ผมเห็นว่า หากยังต้องการทำงานอยู่ก็ต้องอดทนครับ การเพิ่มงานให้โดยที่ไม่ใช่งานประจำของคุณหากมีการแจ้งว่าคุณไม่มีสมรรถภาพในการทำงาน นายจ้างก็เลิกจ้างได้ครับ ัญหาคือ นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า และหากพิสูจน์ได้ว่าการเลิกจ้างนั้นเป็นการกลั่นแกล้งของนายจ้าง ก็สามารถเรียกค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมได้ หากนายจ้างให้ลงนามอะไรก็ไม่ต้องลงนาม ให้เขียนใบลาออกก็ไม่ต้องเขียน รอว่าใครอดทนมากกว่ากัน ขณะเดียวกันคุณก็ต้องพยายามหางานทำใหม่ด้วย เพราะนายจ้างคงรอดอยู่ได้ไม่นาน

ผมเห็นว่า หากจะลดคนลง ก็แจ้งพนักงานทราบ จ่ายเงินค่าชดเชยตามกฎหมาย จากกันด้วยดีน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะหากฟ้องร้องกันนายจ้างต้องจ่ายมากกว่าที่คิดครับ

 ในเรื่องของโบนัสและการปรับเงินเดือนประจำปีนั้น ตามที่เรียนไว้อยู่นอกเหนือการบังคับของกฎหมาย นายจ้างสามารถเขียนระเบียบออกมาได้ครับ ในระเบียบของนายจ้างก็สามารถโยกย้ายพนักงาน มอบงานให้ทำได้มอบหมายงานให้ได้ แต่หากคุณเห็นว่างานที่ได้รับมอบหมายนั้นไม่เป็นธรรมกับคุณ คุณก็สามารถทำหนังสือร้องทุกข์ไปยังนายจ้างที่สูงกว่าได้ครับ ผมว่าไม่ต้องกังวล เพราะตามที่คุณอ้างว่า นายจ้างกำลังขาดทุน ดังนั้นคงไม่มีการจ่ายเงินโบนัส หรือขึ้นเงินเดือน เพราะเงินโบนัส คือส่วนแบ่งผลกำไร หากไม่มีกำไรก็ไม่มีโบนัส ไม่มีการขึ้นเงินเดือน ทุกคนน่าจะประสพชะตากรรมเดียวกันหมดครับ ไม่ว่าจะประเมินผลดีอย่างไร ที่นายจ้างบีบให้ลาออก เพราะนายจ้างไม่ต้องการจ่ายเงินชดเชย หากนายจ้างปิดกิจการก็ต้องจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานเมื่อเลิกจ้างครับ