|
เคลมภาษีคืนได้หรือไม่ | |
พ่ออายุ72แม่อายุ58และไม่มีรายได้แล้วทั้งคู่ ในปี50ได้รับค่าชดเชยการเสียชีวิต+ค่าทำศพของลูกชายเนื่องจากการทำงาน ประมาณ5แสนบาท ทั้งนี้ถูกหักภาษีแบบรับเงินทั้งก้อนเรียบร้อยไปแล้ว2หมื่นกว่าบาท ต่อจากนั้นเอาเงินไปบริจาคทำอุโบสถและมีใบเสร็จอนุโมทนาบัตร มีคำถามดังนี้ 1.ถือว่าพ่อแม่เป็นผู้มีรายได้ระหว่างปีหรือไม่(เจ้าหน้าที่แรงงานพื้นที่1กล่าวเช่นนั้น) 2.สามารถนำมาขอคืนภาษีได้หรือไม่ 3.เป็นกฎหมายที่หาประโยชน์จากคนตาย สามารถร้องเรียนได้หรือไม่ ที่ไหน ขอบคุณคะ จากผู้สูญเสีย | |
ผู้ตั้งกระทู้ ผู้สูญเสีย :: วันที่ลงประกาศ 2008-02-05 11:46:51 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1510376) | |
ตอบผู้สูญเสีย ก่อนอื่นคงต้องแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียไว้ ณ ที่นี้ด้วย และคงต้องขอแก้ไขความเข้าใจไปพร้อมกันด้วยว่า กฎหมายไม่ได้หาประโยชน์จากผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วแต่อย่างใด เพียงแต่ก่อนตาย ผู้ตายมีเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษี กฎหมายก็ทำหน้าที่เก็บภาษีจากเงินดังกล่าวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ผู้มีเงินได้ ล้วนแต่มีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีทั้งสิ้น สำหรับผู้ที่ได้รับมรดกจากผู้ตาย ต้องเสียภาษีหรือไม่ เราจะมาทำความเข้าใจเป็นลำดับไป ดังนี้ จากคำถาม ขอตอบเป็นรายข้อดังนี้ 1.ขอตอบว่า พ่อแม่ (ผู้รับมรดก) เป็นผู้มีเงินได้ระหว่างปีจริง แต่กฎหมายประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (16) บัญญัติไว้ว่า เงินได้ที่ได้รับจากกองมรดก ซึ่งต้องเสียภาษีตามความในมาตรา 57 ทวิ กฎหมายบัญญัติให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ นั่นหมายความว่า ตามมาตรา 57 ทวิ ผู้มีเงินได้ (ผู้ตาย) ที่ได้ถึงแก่ความตายในระหว่างปีภาษี และยังไม่ได้ทำหน้าที่เสียภาษี ในเงินได้ที่มีก่อนและหลังเสียชีวิต กฎหมายก็ยังถือว่าเขาผู้นั้นมีหน้าที่ต้องเสียภาษีในเงินได้ที่ได้รับทั้งก่อนและหลังเสียชีวิต แต่เมื่อเสียชีวิตแล้วจึงไม่สามารถทำการเสียภาษีได้ด้วยตนเอง กฎหมายจึงกำหนดให้ผู้จัดการมรดก, ผู้ครอบครองทรัพย์มรดก ฯลฯ ทำหน้าที่ยื่นแบบแสดงภาษี และเสียภาษีแทนผู้ตาย โดยนำเงินได้ทั้งหมดของผู้ตาย (รวมถึงกองมรดกของผู้ตาย) มาคำนวณภาษี และเสียให้แก่รัฐ (เฉพาะปีที่ตายเท่านั้น) เมื่อมีผู้เสียชีวิต หากผู้เสียชีวิตดังกล่าวมีทรัพย์สิน ก็ถือว่ามี "มรดก" และถึงแม้ว่า "กองมรดก" ที่ยังไม่ได้แบ่ง ไม่ได้มีฐานะเป็นบุคคลตามกฎหมาย แต่ประมวลรัษฎากรก็กำหนดให้เป็นหน่วยหนึ่งที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถ้าในปีถัดไปหลังจากที่เจ้ามรดก (ผู้มีเงินได้ที่แท้จริง) ถึงแก่ความตาย และมีการแบ่งมรดกแล้ว ก็จะส่งผลให้กองมรดกนั้นสลายไปไม่มีฐานะเป็นหน่วยที่ต้องเสียภาษี อีกทั้งทายาทที่ได้รับส่วนแบ่งมรดกนั้นๆ ไป ก็จะกลายเป็นผู้มีเงินได้แทน แต่อย่างไรก็ตามกฎหมายก็ได้คำนึงถึงว่า ก่อนแบ่งมรดก กองมรดกดังกล่าวได้ถูกคำนวณภาษีไปเรียบร้อยแล้ว จึงกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีของผู้รับมรดก ที่เสียภาษีไปแล้วดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการเสียภาษี จึงยกเว้นให้ไม่ต้องนำเงินได้ที่ได้รับจากการแบ่งมรดกตามมาตรา 42 (16) มาคำนวณเสียภาษี 2.ขอคืนภาษีได้ เพราะถือเป็นขั้นตอนในการเสียภาษีแทนผู้ตาย เพราะหากผู้ตาย (เจ้าของเงินได้) มีส่วนลดหย่อนภาษีใดๆ ก็สามารถนำไปแสดงต่อกรมสรรพากรได้ และหากผู้ตาย (เจ้าของเงินได้) ได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้วมากกว่าภาษีที่ต้องเสีย ก็สามารถขอคืนภาษีได้ตามขั้นตอนของกรมสรรพากร 3.ตามที่ได้ตอบไปในข้อ 1และข้อ 2 จะเห็นได้ว่ากฎหมายมิได้หากประโยชน์จากคนตายแต่อย่างใด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้ช่วยฯ วันที่ตอบ 2008-02-08 11:20:55 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 321633 |