ค่าชดเชยตามมาตรา๑๑๘ คำนวณจากค่าจ้างอัตราสุดท้าย  กรณีนี้ให้ร้องขอความเป็นธรรมที่ศาลแรงงาน นายจ้างฉ้อฉลหลอกลดค่าจ้างและเลิกจ้างภายหลัง ฟ้องด้วยตนเองไม่ต้องใช้ทนาย   ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ต้องดูเจตนารมย์ของนายจ้างว่า เป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้าง หรือทำไปเพื่อต้องการจ่ายเงินลดลงหรือไม่

หากนายจ้างในเบื้องต้นคิดว่า การลดค่าใช้จ่ายแต่ยังรักษาคนไว้ โดยขอให้ทุกคนยังคงทำงานอยู่ แต่เวลาต่อมาสถานะการณ์ไม่ดีขึ้น ก็ต้องถึงคราวที่ต้องลดคน ก็เป้นเรื่องที่ต้องทำเพื่อความอยู่รอด

การฟ้องร้องสามารถทำได้ แต่ดูที่เจตนาของนายจ้างว่า การลดเงินเดือนนั้น เพื่อเป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้างหรือไม่ หากนายจ้างไม่มีเจตนา แต่ข้อเท็จจริงสามารถพิสูจน์ได้ว่าลดเงินเดือนไป 2-3 เดือน ยอดขายน้อยลง การผลิตลดลงกว่าเก่า ก็ถือว่าเป็นเหตุอันควรไม่ได้เป็นการใช้เจตนาฉ้อฉลที่จะกลั่นแกล้งลูกจ้าง

ทำใจคะ คนไม่ดีอย่าไปอยู่ใกล้นาน เดี๋ยวมันจะซึมซับมาโดยไม่ตั้งใจ เจอมาเหมือนกันแป๊ะเลยคะ

ถ้าไปฟ้องก็ฟ้องได้อยู่ตามกฎหมายแรงงานแต่คำภามคือ

1.เอกสารต่างๆเป็นของบริษัท ต้องมีลายมือชื่อ มีตราประทับ มีหัวจดหมายบริษัท (แล้วพนักงานจะไปเอาเอกสารมาจากใหน)

2.อย่างที่เจอนี้ตอนแรกเจอเหมือนกันอ้างเศรษฐกิจไม่ดี (บริษัททำรายจ่ายปลอมๆ หาคนมาเซนต์เงินออก โยกย้าย รายรับเซนต์สัญญาเป็นรายบุคคล เข้าตัวเอง แต่รายจ่ายมาลงที่ค่าจ้างพนักงาน แต่รายรับไม่เข้าบริษัท เหมือนบริษัทจ่ายเงินเดือนฟรี ถามหน่อยว่าพนักงานเอาหลักฐานมาจากใหน)

3.ถ้าเจตนาดีต่อกันจริง ทำใมไม่ทำตามเงื่อนไขกฎหมาย อ่านก็ไม่น่าจะเข้าใจอะไรยากมากมาย ถ้าเอาตามความจริงตรงไปตรงมา

ตอนนี้โดนบีบให้ลาออกอยู่ แต่ดิฉันไม่มีความผิดอะไร ก็รอดูเหมือนกะนว่าจะสร้างหลักฐานเท็จอะไรมา

สู้ๆคะอย่าโมโห อย่าเอาอารมณืเป็นใหญ่ อย่าเปลี่ยนสถานะของตัวเองจากผู้ถูกกะทำ มาเป็นผู้กระทำ เอาความจริงเข้าว่า แนะนำให้ไปดาวน์โหลดกฎหมายแรงงานมาอ่านซักสามรอบคะ จะได้เห็นอะไรมากขึ้น จะได้เตรียมตัวถูกคะ เพราะคนอื่นไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริง อาจจะ

รู้ไม่ลึกเท่าตัวคุณเอง เป็นกำลังใจให้คะ