|
สวัสดิการ กับ ภาษี | |
หากนายจ้าง จ่ายค่าที่พัก หรือค่าเดินทาง ให้กับพนักงานประจำ ค่าที่พักหรือค่าเดินทางนั้น จะถือเป็นส่วนหนึ่งของรายได้พนักงานประจำที่จะต้องเสียภาษีหรือไม่? | |
ผู้ตั้งกระทู้ วรสิริ :: วันที่ลงประกาศ 2007-04-24 14:43:20 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (932433) | |
ค่าพาหนะที่ลูกจ้างได้จ่ายไปโดยสุจริต ตามความจำเป็น และจ่ายไปทั้งหมดในการนั้น ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ หมายเหตุ จ่ายเหมาให้ลูกจ้างที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงานไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้างที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ไม่ได้รับการยกเว้น ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ หมายเหตุ เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากรัฐวิสาหกิจ ตามที่จ่ายจริงโดยสุจริต ไม่ต้องเสียภาษี | |
ผู้แสดงความคิดเห็น webmaster วันที่ตอบ 2007-04-30 12:46:42 |
ความคิดเห็นที่ 2 (937999) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น CC หน้าเดิม วันที่ตอบ 2007-05-02 17:23:36 |
ความคิดเห็นที่ 3 (938004) | |
คำตอบข้าพเจ้าหายไปไหนหมดท่าน webmaster ยืนยันจ้า ลูกจ้างเอกชนคนจนๆอย่างพวกเราต้องเสียภาษีถ้านายจ้างจ่ายค่าเช่าบ้านให้แต่คนหลวงกลับไม่ต้องเสียภาษี เป็นธรรมดีจัง คนจนอย่างเราไม่ได้ตังค์แต่ได้บ้านอยู่ฟรียังต้องเสียภาษีเลย ดูป.23 ซิ คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 23/2533 เรื่อง การกำหนดมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่าเป็นเงินได้ พึงประเมิน
---------------------------------------------
เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับการกำหนดมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่าเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร กรมสรรพากรจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 กรณีลูกจ้างได้อยู่บ้านของนายจ้างโดยไม่เสียค่าเช่า ให้คำนวณประโยชน์เพิ่มจากการนี้เป็นเงินได้พึงประเมินในอัตราร้อยละ 20 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งเงินเพิ่มตลาดปี (ถ้ามี) โดยไม่รวมเงินโบนัสที่จ่ายเป็นรายปี (1) กรณีลูกจ้างได้อยู่บ้านของนายจ้างโดยไม่เสียค่าเช่า ให้คำนวณประโยชน์เพิ่มจากการนี้เป็นเงินได้พึงประเมินในอัตราร้อยละ 20 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งเงินเพิ่มตลอดปี (ถ้ามี) โดยไม่รวมเงินโบนัสที่จ่ายเป็นรายปี (2) กรณีลูกจ้างหลายคนได้บ้านของนายจ้างหลังเดียวอยู่รวมกันโดยไม่เสียค่าเช่า ให้คำนวณประโยชน์เพิ่มตามเกณฑ์ใน (1) เป็นเงินได้พึงประเมินของลูกจ้างแต่ละคน (3) กรณีลูกจ้างหลายคนได้บ้านของนายจ้างหลังเดียวอยู่รวมกันโดยไม่เสียค่าเช่าตาม (1) ไม่ว่าจะเป็นการโต้แย้งในชั้นการตรวจสอบไต่สวนหรือในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม ให้เจ้าพนักงานประเมินทำการประเมินค่าเช่าของบ้านนั้น ๆ ว่าสมควรให้เช่าได้ตามปกติปีละเท่าใด และให้ทำบันทึกการประเมินไว้เป็นหลักฐานแล้วรายงานขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมสรรพากร และใหถือว่าค่าเช่าบ้านที่ได้ทำการประเมินนี้เป็นเงินได้ของลูกจ้างที่จะนำมาทำการประเมินหรือพิจารณาชี้ขาดของเจ้าหน้าที่ผุ้พิจารณาอุทธรณ์ แล้วแต่กรณี และให้ถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณเงินได้ในปีภาษีต่อไปด้วย เว้นแต่มีข้อเท็จจริงหรือสภาพของบ้านเปลี่ยนแปลงไป (4) กรณีลูกจ้างหลายคนได้บ้านของนายจ้างตาม (3) หลังเดียวอยู่รวมกัน ให้เฉลี่ยค่าเช่าบ้านที่ประเมินได้ตาม (3) เป็นเงินได้ของลูกจ้างแต่ละคนตามส่วนของเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งเงินเพิ่มตลอดปี (ถ้ามี) โดยไม่รวมเงินโบนัสที่จ่ายเป็นรายปี และให้ถือว่าค่าเช่าบ้านที่ได้ทำการประเมินนี้เป็นเงินได้ของลูกจ้างที่จะนำมาทำการประเมินหรือพิจารณาชี้ขาดของเจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาอุทธรณ์ แล้วแต่กรณี และให้ถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณเงินได้ในปีภาษีต่อไปด้วย เว้นแต่มีข้อเท็จจริงหรือสภาพของบ้านเปลี่ยนแปลงไป (5) กรณีลูกจ้างได้อยู่บ้านของนายจ้างโดยไม่เสียค่าเช่าและเป็นบ้านที่นายจ้างได้ไปเช่าจากบุคคลอื่นมาอีกต่อหนึ่ง ให้คำนวณประโยชน์เพิ่มจากการนี้เป็นเงินได้พึงประเมินตามค่าเช่าที่นายจ้างได้จ่ายไปจริง (6) กรณีลูกจ้างหลายคนได้บ้านของนายจ้างตาม (5) อยู่รวมกัน ให้เฉลี่ยค่าเช่าบ้านที่นายจ้างได้จ่ายไปจริงตาม (5) เป็นเงินได้ของลูกจ้างแต่ละคนตามส่วนของเงินเดือนหรือค่าจ้าง รวมทั้งเงินเพิ่มตลอดปี (ถ้ามี) โดยไม่รวมเงินโบนัสที่จ่ายเป็นรายปี
ข้อ 2 ในกรณีนายจ้างได้เช่าบ้านให้เป็นที่พักอาศัยของพนักงาน ซึ่งดำรงตำแหน่งระดับบริหาร โดยนายจ้างเป็นผู้ออกค่าเช่าและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าคนสวน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในบ้าน แม้ต่อมาพนักงานผู้นั้นหรือนายจ้างจะได้ใช้บ้านดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นสถานที่ประชุมและปรึกษาหารือกิจการของนายจ้างตลอดจนการจัดงานเลี้ยงรับรองลูกค้าสำคัญ ๆ ของนายจ้างเป็นครั้งคราว ถือได้ว่าค่าเช่าบ้านและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่นายจ้างจ่ายไปเป็นประโยชน์ที่พนักงานผู้นั้นได้รับทั้งสิ้น พนักงานผู้นั้นจะต้องนำประโยชน์ที่ได้รับทั้งหมดมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
สั่ง ณ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2533
บัณฑิต บุณยะปานะ อธิบดีกรมสรรพากร
หมวดสวัสดิการกับภาษีเนี่ยก็เขียนตำราได้อีกเล่มเหมือนกันนะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น CC ตอบให้ใหม่ วันที่ตอบ 2007-05-02 17:31:03 |
ความคิดเห็นที่ 4 (938008) | |
Bye Goodnight! ไปนอนดีกว่า | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ไม่บอก วันที่ตอบ 2007-05-02 17:32:07 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 321677 |