|
หุ้นลมจากแรงงานที่ทำงานเพื่อบริษัท | |
สวัสดีครับ ผมจะขอรบกวนปัญหาท่านผู้รู้ดังนี้ขอรับ
คือ ผมเปิดบริษัท กับรุ่นพี่ที่เรานับถือ ด้วยแผนธุรกิจด้านซอฟแวร์ที่ได้รับโอกาสจาก VC รายใหญ่แห่งหนึ่ง ได้เปิดโอกาสให้ไปร่วมงาน แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ตกลงกับ เพื่อความมั่นคงในการดำเนินวิถีชีวิต และปลดทุกข์ในภาระต่าง ๆ จึงขอเป็นเงินกู้ยืมบริษัทไว้ทดลองจ่าย จำนวนหนึ่ง ซึ่งเฉลี่ยแล้วน้อยกว่า อ้อ ทางผม ทุกคนไว้ใจให้ผมถือครองสัดส่วน 30% หุ้นลมไว้ให้ ดร. อีก 10% เผื่อมีรายได้ และวิ่งไปรับงานจากองค์กรที่แกดูแลอยู่ กรรมการที่เหลืออีก 3 คน คนละ 10% ผมเขียนโปรแกรมได้ 3 เดือน เลยวิ่งหาทุนรับจ้างเองมาก้อนหนึ่ง เขียนโปรแกรมใหญ่ ๆ เพื่อเอาเงินมาหมุน สุดท้ายก็ไม่ไหว ไม่คุ้ม ต้องรับผิดชอบคืนเงินเขาอีก แล้วกลับมาตั้งตาทำโปรแกรมรอบใหม่ของตัวเองอีก 3 เดือน นี้ก็ไม่ไหวล่ะพะว้าพะวงเหลือเกิน กรรมการผู้ทรงศีลคือรุ่นพี่ของผมน่ะล่ะ เกิดความไม่เชื่อมั่น เหมือนคนอกหักเลย มาจับผิดเรื่องมุสาเล็ก ๆ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสัตย์จริงไม่ได้แต่งเติมเสริมแต่งอย่างใดครับ ด้วยเกียรติประวัติเล็ก ๆ ของนักเรียนดีเด่น รับงานจากสมเด็จพระเทพ อาจารย์ครับ ผมคนทำงาน ที่ไม่ฉลาด หรือ ว่าผมเชื่อใจคนง่ายไปครับ ทางออกของผม ที่คิดไว้คือ คืนเงินบริษัทไป 75,000 และเอาประสบการณ์และผลงานไปหางานอิสระน่ะล่ะทำ เพื่อหาเงินมาสร้างทีม สร้างโปรแกรมเอง แล้วก็ได้ลูกค้าครับ ผมยื่นเรื่องไป ก็ได้โอกาสไปร่วมงานครับ มีรายได้มั่นคงมาก ผมจึงตั้งใจจะคืนหุ้นให้หมด แล้วแถมหาลูกค้าที่โปรแกรมผมกำลังจะเสร็จอีกให้ 3 ราย ที่ผมหามาได้ เพื่อแสดงความจริงใจต่อกัน เรียกว่าเอาไปเถอะ ผมขอจำนวนหนึ่งไว้ทำบุญพอ แล้วจะขอลาบวชเลยครับ ปีหน้าฟ้าใหม่ เริ่มต้นใหม่ ทำเอง บริหารเองครับ และหวัง อาจารย์เป็นแสงนำทางให้คนไม่ประสาเช่นผมผมต่อไปน่ะครับ ในผืนแผ่นดินนี้ คนตั้งใจดี ต้องยืนยง ท้ายนี้ขอให้อาจารย์เป็นแสงชี้นำคุณธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทยน่ะครับ เป็นบุคคลสำคัญที่ป้องกันคนโดนเอารัดเอาเปรียบจากคนฉลาดแต่ไร้คุณธรรมน่ะครับ กราบขอบพระคุณ สุขภาพแข็งแรงครับกระผม | |
ผู้ตั้งกระทู้ โปรแกรมเมอร์ง้อก ๆ :: วันที่ลงประกาศ 2007-05-26 03:46:28 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (974487) | |
ก่อนทำธุรกิจร่วมกัน ต้องแยกความเป็นเพื่อน ความเป็นผู้เคารพนับถือออกเสียก่อน ให้เหลือความสามารถในการทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว โดยสิ่งแรกที่ต้องพิจารณา คือ หุ้นส่วนแต่ละคนมีศักยภาพใด ตรงตามความต้องการของบริษัทหรือไม่ หากไม่ตรงก็ไม่ควรนำเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆแล้ว อาจขัดขวางทางก้าวหน้าของบริษัทได้ หากผู้ถือหุ้นมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ แล้วจึงค่อยมาพิจารณาโครงสร้างธุรกิจร่วมกันว่า ต้องใช้กระแสเงินสดหมุนเวียนเพียงใด จะหามาได้อย่างไร ต้นทุนการทำงานอยู่ที่เท่าใด รายรับที่ตั้งไว้มีเพียงใด รายได้จะเข้าเมื่อใด จุดคุ้มทุนอยู่ที่ใด หากรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าจะแก้ไขอย่างไร หากกำไรแบ่งผลตอบแทนอย่างไร หากขาดทุนจะเฉลี่ยกันอย่างไร สิ่งเหล่านี้หากถูกวิเคราะห์เสียแต่แรก แม้ธุรกิจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็ยังแก้ไขได้ ไม่ล่มกลางทาง สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว หากแก้ไขแล้วไม่ดีขึ้นต้องตัดใจตัดมันออกไป เพื่อรักษาส่วนที่เหลืออยู่ให้คงไว้ แล้วเริ่มต้นใหม่ ไม่มีใครสายเกินกว่าการเริ่มต้นใหม่ (ขอยืนยัน) เงิน 75,000 บาท เป็นเงินลงทุนในบริษัทเป็นความรับผิดชอบของทุกคน มิใช่เราเพียงคนเดียว เมื่อหมดแล้วไม่ต้องคืนผู้ใด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น webmaster วันที่ตอบ 2007-05-27 08:22:41 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1350854) | |
เห็นด้วยว่าจะต้องดูที่ี่หุ้นส่วนแต่ละคนมีศักยภาพที่แท้จริงอย่างไรบ้าง ก่อนจะทำธุระกิจร่วมกัน แล้วนำความสามารถมารวมไม่ควรที่จะเชื่อแค่คำกล่าวอ้างลอยๆ ว่าทำได้แต่ไม่เป็นความจริง สุดท้ายจะมีปัญหาดังกล่าว เห็นใจคนถูกกระทำจริงๆ ถือว่าฟาดเคราะห์ ที่ไม่ได้ร่วมงานกับคนไม่มีความจริงใจ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น webmaster วันที่ตอบ 2008-01-02 10:33:57 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 321643 |