ขอเรียนสอบถามเพื่อเตรียมแนวทางในการเรียกร้องความเป็นธรรมค่ะ ดิฉันเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนต่างชาติซึ่งเข้ามาเปิดโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม โดยเป็นลูกจ้างตนไทยคนแรกที่นี่ ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายHR ซึ่งต้องตัดสินใจนานกว่าจะเข้ามาร่วมงานที่นี่ เพราะต้องย้ายถิ่นฐานที่อยู่ไปด้วยกันทั้งครอบครัวทั้งหมดพ่อ แม่ ลูก ซึ่งลูกเรียนอยู่ในชั้นอ.สาม จ่ายค่าเทอมที่โรงเรียนเก่าไปแล้ว ต้องไปจ่ายแป๊ะเจี๊ยะที่โรงเรียนใหม่อีก 2 ครั้ง แต่ด้วยความที่คิดว่าเราจะได้มีโอกาสจัดตั้งโรงงานตั้งแต่เริ่มแรกจะได้เป็นคนเก่าขององค์กรแห่งใหม่ จึงตัดสินใจเข้าทำงานที่นี่ ทำงานร่วมกับMD. ต่างชาติในทุกๆ หน้าที่ เลขา บัญชี ธุรการ บุคคล กฎหมาย ฯลฯ โดยเข้าทำงานตั้งแต่ พ.ค. 52 มาจนปัจจุบัน ในสัญญาจ้างระบุว่าจะได้โบนัสแบบ prorate หากเข้าทำงานก่อนเดือนต.ค. ในปีนั้น ดิฉันตั้งใจปฎิบัติงานด้วยความมานะ อดทนเป็นอย่างสูง ทุ่มเทแรงกายแรงใจ วันหยุดก็ไม่ได้หยุด อุปกรณ์สนง.ที่มีให้คือ Printer Multi Function (Fax,Tel,Print,Copy) เพียงเครื่องเดียว โดยหน้าที่หลักที่รับผิดชอบคือต้องเปิดโรงงานให้ได้ภายในเดือน พ.ย. 52 และต้องมีพนักงานพร้อมทำงานในฝ่ายผลิตจำนวนไม่ต่ำกว่า 250 คน ในวันเปิดโรงงานจนถึงวันนี้มีพนักงานทั้งสิ้น 500 คน ก่อนหน้านั้น ได้ร้องขอพนักงานเพื่อมาช่วยงาน 1 คน ในเดือน ก.ย. แต่ได้รับการปฎิเสธและบอกว่ายังไม่ถึงเวลา จึงต้องอดทนทำทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียวเพราะก้าวมาแล้วต้องทำให้สำเร็จ ต้องใช้เงินตัวเองสำรองจ่ายเพื่อบริษัทเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย จดทะเบียนประกันสังคมและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นจำนวนมาก กว่าจะได้
คืนก็สามเดือน จนกระทั่งรับพนักงานได้ตามเป้าหมายและเปิดโรงงานได้ตามกำหนด เมื่อวันที่ 4 พ.ย.52 หน้าที่ของฝ่ายบุคคลมีมากมาย จนกระทั่งได้มีลูกน้องในแผนกคนแรกเมื่อเปิดโรงงานได้ครึ่งเดือน แต่พอถึงสิ้นปีที่ผ่านมาต้องมีการประเมินประจำปีและปรับขึ้นเงินเดือนปรากฎว่า เป็นพนักงานเพียงคนเดียวในโรงงานที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน โดยอ้างเหตุผลว่าทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายของMD และก็ไม่มีโบนัสให้ เท่านั้นยังไม่พอ อ้างต่อว่าโรงงานจะขยายต่อจากเดิมที่กำหนดไว้โรงงานจะรับพนักงานเต็มที่ 500 คน แต่จะขยายเป็น 700 คน จึงอยากได้ ผจก. HR เป็นผู้ชาย และอาจจำเป็นต้องTerminate ดิฉันออกไป โดยจะให้เวลาหางานใหม่ (ดิฉันจึงถามกลับไปว่าตั้งใจจะรับมาเพื่อทำหน้าที่เปิดโรงงานให้ได้ในช่วงแรกใช่ไหม เพราะคงหาผจก. ฝ่ายบุคคลยากด้วยเงินเดือน จำนวนเก้าหมื่นกว่าบาท โดยที่ยังไม่เห็นอะไรเลย สำนักงานก็เป็นห้องเช่าเล็กๆ อับๆ ไม่มีอะไรเลย นอกจากเก้าอี้โยกเยกและprinterอันเล็กๆ และ computer notebook 1 เครื่อง แต่พอมาถึงวันนี้กลับมาสนองคุณเราโดยวิธีการอย่างนี้ เราถามว่ามันยุติธรรมไหมสำหรับเรา เพราะเงินเดือนที่ได้นี้มากกว่าที่เดิมเพียง 15% โบนัสก็ไมได้ ทั้งๆ ที่เก่าเราก็มีตำแหน่ง HR Mgr. มีลูกน้อง 3 คน โบนัสไม่ต่ำกว่า 3 เท่า พนักงานที่โรงงานเก่าซึ่งเรารับผิดชอบมีทั้งหมด 200 คน ดิฉันถามย้ำว่าอย่างนี้ยุติธรรมไหม ดิฉันทำอะไรผิด หรือทำอะไรให้บริษัทเสียหาย หรือทุจริตอะไร จึงมาปฎิบัติเช่นนนี้ MD ต่างชาติจึงอ้ำอึ้งไป) จากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ ก็มาคุยใหม่บอกว่าจะให้ดิฉันไปรับผิดชอบงานด้านการสรรหาและแรงงานสัมพันธ์ โดยเป็นผจก.ส่วนย่อย
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านเขามารับผจก. HR เป็นผู้ชายเข้ามาและสัปดาห์ก่อนสงกรานต์ ผจก. คนใหม่เขาก็เรียกเราไปคุยว่า เขาจะให้เราเซ็นชื่อในเอกสารที่เขากำหนดเป็นเป้าหมายว่า เราจะต้องทำงานด้านสรรหาและแรงงานสัมพันธ์ให้ได้ตามที่กำหนด โดยต้องลงชื่อรับทราบ จากนั้น 1 เดือนจะมีการประเมิน โดยผจก.คนใหม่และMD ร่วมกันตัดสินใจว่าจะให้อยู่หรือไป โดยผจก.คนใหม่นี้เข้ามาวันที่สองก็พูดจาดูหมิ่นศักดิ์ศรีของคนเก่าพอสมควร กดดันความรู้สึกมากๆ แต่เราก็อดทนดเพราะไม่ใช่ตัวเราคนเดียว ลูกเป็นสิ่งสำคัญ ย้ายโรงเรียนมากว่าจะปรับตัวได้กับสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคย ลงทุนเรื่องโรงเรียนลูกไปเป็นเงินจำนวนมากพอสมควร เพราะไม่คิดว่าจะต้องเจอความพลิกผันในชีวิตการทำงานแบบนี้เลย เพราะประวัติการทำงานไม่เคยด่างพร้อย เติบโตก้าวหน้ามาโดยผลงานของตนเอง ไม่ใช้ปากทำ ต้องขออภัยทีเขียนมาละเอียดเพราะอยากทราบแนวทางเบื้องต้นจริงๆ ว่า ดิฉันจะเรียกร้องขอความยุติธรรมได้ไหมคะ เพราะในเดือน พ.ค. 53 นี้ จะครบ 1 ปีพอดี แต่ถ้าตาม พรบ. คุ้มครองแรงงาน ก็จะได้ค่าชดเชย 90 วัน ดิฉันคิดว่ามันไม่คุ้มค่าเลยค่ะ เสียเวลา เสียโอกาส กันทั้งครอบครัวเลยค่ะ มีหนทางจะฟ้องร้องได้มากกว่านี้ไหมคะ ขอให้ช่วยแนะนำทนายให้ด้วยค่ะ ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่คะ คนต่างชาติคนนี้เขาจะได้มีบทเรียนในชีวิตเขาว่า อย่าเอาเปรียบคนไทยจนเกินไป และอย่ารังแกคนที่มีตำแหน่งต่ำกว่า และอย่าคิดว่าจะทำอะไรกับใครๆ ก็ได้ตามที่ใจตัวเองต้องการโดยไม่คำนึงถึงคุณค่าของคนอื่น โดยเฉพาะคุณมาหากินบนแผ่นดินไทย อย่าเอาเปรียบคนไทย ก่อนหน้านี้ MD คนนี้เคยให้พนักงานขับรถออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชยมาแล้ว และจะให้เลขาไม่พ้นทดลองงานเพราะงานที่ให้รับผิดชอบตอนเปิดโรงงานทำสำเร็จแล้ว (เรื่องสื่อมวลชน และประชาสัมพันธ์ จัด event) แต่ดิฉันได้ถามเขาว่ามันยุติธรรมหรือที่จะทำเช่นนั้นกับเธอ จึงให้ต่อระยะเวลาทดลองงานเพิ่มจาก 3 เดือน เป็น 5 เดือนแทน เขียนมามากมาย อยากให้เพื่อนร่วมอาชีพได้เป็นอุธทาหรณ์ด้วยค่ะ และขอความกรุณาให้คำแนะนำด้วยนะคะ
| 
