1. น่าจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่ลูกจ้างเมื่อถูกเลิกจ้างไปแล้ว ไปพบทนาย ทนายก็จะแนะนำให้ฝ้องเพื่อว่าจะได้เงินบ้าง

2. ต้องพิจารณาว่า มีระเบียบเกี่ยวกับการลงโทษทางวินัยไว้หรือไม่และทำตามขั้นตอนทางวินัยหรือไม่ หากข้ามขั้นตอนในการลงโทษทางวินัย ลูกจ้างก็สามารถฟ้องร้อง แม้กระทำความผิด โอกาสที่นายจ้างเสียเปรียบมีสูง เช่น การลงโทษต้องมีการสอบสวนก่อน ลงโทษ หากลงโทษ โดยไม่มีการสอบสวนตามระเบียบ ก็จะทำให้นายจ้างแพ้ได้

3. ตามข้อ 2 หากมีการสอบสวนเรียบร้อย ลูกจ้างลงนามยอมรับไว้ว่า ทำผิดจริง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

4. หากมีวัตถุพยานเรียบร้อย มีการสอบสวนและลงนามรับทราบโดยลูกจ้าง ก็เรียกลูกจ้างมาพบ ให้ถอนฟ้อง หากไม่ถอนก็จะแจ้งความดำเนินคดี ฐานปลอมแปลงเอกสาร หากลูกจ้างไม่ยอมก็แจ้งความดำเนินคดีได้เลย ไม่ใจร้ายเกินไป ข้อสำคัญต้องมีพยานหลักฐานสมบูรณ์

ได้ทำตามขั้นตอนเกี่ยวกับการลงโทษทางวินัยทุกอย่างและมีหลักฐานครบถ้วน  วันนี้ได้ทำหนังสือไปให้ลูกจ้างถอนฟ้องแต่ก็ได้รับคำตอบว่าจะดำเินินการในชั้นศาลต่อไป ดูแล้วโอกาสที่ลูกจ้างจะชนะนั้นไม่มีเลย แต่ก็ไม่อยากที่จะดำเนินคดีทางอาญากับลูกจ้างเพราะเขามีลูกที่ยังเล็กมากและตอนนี้ก็ตกงานอีก ทำไมลูกจ้างจึงไม่รู้สึกผิดเลย ทนายนั้นทางสหภาพแรงงานเ็ป็นผู้จัดหาให้และสหภาพก็สนับสนุนใ้ห้ฟ้องเต็มที่

ก็คงต้องว่ากันไปในรูปคดี หากมีหลักฐาน พยาน พร้อมก็น่าจะได้เปรียบ แต่คงต้องดูให้ดี เพราะหากมีสหภาพแรงงาน ส่วนใหญ่สหภาพจะมีความสามารถด้านหาช่องว่างของระเบียบได้ดีกว่านายจ้าง แล้ใช้ช่องว่างนั้นเป็นประโยชน์

หากจะดำเนินคดีอาญา ก็ขึ้นกับบริษัทฯ หากนายจ้างบอกว่าจะดำเนินคดีอาญา ลูกจ้างยังดื้ออยู่ ก็คงต้องแล้วแต่นายจ้าง

ในกรณีนี้ น่าจะต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด ไม่น่าจะมีการยอมความกันในชั้นศาล ในกรณีที่ศาลแรงงานไกล่เกลี่ย ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวนายจ้างเองในอนาคต ความเชื่อถือของพนักงานจะขึ้นกับการดำเนินการของนายจ้างด้วย

ท่านที่ปรึกษาคิดว่าศาลจะให้ไกล่เกลี่ยในลักษณะไหนครับ ทั้ง ๆ ที่ลูกจ้างผิดศาลยังเห็นใจอีกหรือครับ ยังไม่เคยขึ้นศาลเลยครับ

ปกติ ศาลชื่อ ศาลแรงงาน ก็เป็นศาลของที่เห็นอกเห็นใจลูกจ้างอยู่แล้ว ดังนั้นการไกล่เกลี่ยก็จะให้นายจ้าง จ่ายอะไรให้บ้าง ให้นายจ้างเห็นใจลูกจ้าง จะช่วยเหลืออะไรลูกจ้างได้บ้าง เพื่อมนุษยธรรม แม้ว่าเห็นว่าลูกจ้างจะผิดเต็มประตูก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีครอบครัวและลูกเล็กๆที่ต้องรับผิดชอบ

การขึ้นศาลไม่มีอะไรน่ากลัว ไปขึ้นโดยความบริสุทธิ์ใจ ใช้ความจริงมาว่ากัน แต่ก็ขึ้นกับนายจ้าง หากต้องการจบ ก็ควรต้องให้จบให้ดีๆ การไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ก่อน สามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอืงได้ในศาล เพราะหากนายจ้างไม่เอาข้อเท็จจริงไปแจ้งความ นายจ้างเองก็จะโดนเรื่องของการแจ้งความเท็จ ซึ่งนายจ้างจะไม่ทำอยู่แล้ว

ศาลคงใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองที่ให้ถอนฟ้องที่ศาลและให้นายจ้างไปถอนแจ้งความที่สถานีตำรวจ ต่างก็เลิกรากันไป (อาจจะเพราะไม่สามารถเดาใจศาลได้ 100 %) น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

หากเป็นการถอนฟ้องให้ศาลลงบันทึกในคำพิพากษาตามยอมด้วยว่า ลูกจ้างไม่ติดใจดำเนินคดีเรื่องเหล่านี้อีก 

โชคดี

ขอบพระคุณมากครับ