ดิฉันทำงานเป็นพนักงานขายยู่บริษัทเอกชนบริษัท ให้ชื่อว่าบริษัท A ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขายรถโดยตั้งแต่เริ่มงานก็เป็นพนักงานขายมาตลอด อยู่มาได้สักระยะ ทางบริษัทไป take over บริษัทอื่นเข้ามาอีกหนึ่งบริษัท โดยเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับรถเช่นกันแต่เป็นคนละยี่ห้อ ให้ชื่อว่าบริษัท B โดยทั้ง A และ B เป็นของ ก. กรุ๊ป  หลังจากนั้นทางบริษัทได้ทำการโยกย้ายพนักงานบางส่วนให้ไปทำงานที่บริษัท B โดยไม่มีการจ่ายชดเชย แต่ให้นับอายุงานต่อเนื่อง โดยที่พนักงานจะต้องเซ็นใบลาออก แต่ในส่วนที่ดิฉันทำเป็นแผนกขาย ทางนายจ้างได้ส่งให้ ผจก.ฝ่ายบุคคลมาคุยกับทางแผนก โดยมีเงื่อนไขมาให้เลือก 3 ข้อ 1) ให้ทำงานที่บริษัท A ต่อ โดยการย้ายแผนก 2) ให้ย้ายไปบริษัท B และ 3) ออก โดยจ่ายให้ตามกฎหมายกหนด และมีค่าตกใจให้อีก 2 เดือน โดยเป็นการแจ้งทาง E-mail ของบริษัท ซึ่งพนักงานทั้งหมดได้ทำเป็นเอกสารโดยมีผจก.ฝ่ายบุคคลเซ็นรับ โดยทั้งหมดเลือกข้อ 3) หลังจากนั้นทางฝ่ายบุคคลมี E-mail มาแจ้งว่าให้งินเดือนออกภายในวันที่ 25 ต,ค 2553 เลย แต่ทางลูกจ้างยังมีงานคั่งค้างอยู่จึงขอต่อรองเป็น 25 ธ.ค 2553 ทางผจก.ฝ่ายบุคคลรับข้อมูลไปแจ้งให้กับทางฝ่ายบริหาร หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ทางฝ่ายบุคคลก็ได้เรียกพนักงานเป็นรายบุคคลไปเพื่อแจ้งว่าไม่สามารถให้ออก ตามข้อ 3) ได้ แต่ให้พนักงานย้ายไปอยู่แผนกอืนในบริษัท A แทน และมีการออกจดหมายแจ้งย้ายแผนกทันที ซึ่งการย้ายไปนั้น ได้แต่เงินเดือน ไม่มีค่าน้ำมันซึ่งเป็นรายได้ที่เคยได้อยู่เป็นประจำ เท่ากับรายได้ขาดหายไป 50% ทั้งนี้ดิฉันขอถามว่า 1) การแจ้งว่าพนักงานประสงค์จะออกโดยรับเงื่อนไขตามข้อ 3) นั้นถือว่าเป็นการขอเลิกสัญญาจ้างแล้วหรือยัง และการบอกกล่าวนั้นถือว่าสมบูรณ์หรือยัง? และ 2) การย้ายไปโดยตัดรายได้บางส่วนที่เคยได้มาตลอดที่ทำงานนั้นถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้างหรือไม่ ?? และทางลูกจ้างมีสิทธิเรียกร้องได้เพียงใด อย่างไรบ้าง ??