ReadyPlanet.com


อยากจะใคร่ขอปรึกษาเรื่องประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพ


เนื่องด้วยน้องสาวของผมเป็นลม ในเวลาทำงาน จนเป็นเหตุให้หัวใจหยุดเต้น และอยู่ในสภาวะสมองตาย (ทุพลภาพ) เมื่อเดือน  ธันวาคม 2549 แล้วบริษัทของน้องให้เขาออกจากงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550

 

ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.. ๒๕๓๓ 

มาตรา ๗๑27 ในกรณีที่ผูประกันตนทุพพลภาพอันมิใชเนื่องจากการทํางานใหมีสิทธิไดรับเงินทดแทน

การขาดรายไดในอัตรารอยละหาสิบของคาจางตามมาตรา ๕๗ ตลอดชีวิต

มาตรา ๕๗19 การคํานวณคาจางรายวันในการจายเงินทดแทนการขาดรายไดใหแกผูประกันตนตาม

มาตรา ๓๓ ใหคํานวณโดยนําคาจางสามเดือนแรกของคาจางที่ใชเปนฐานในการคํานวณเงินสมทบที่นายจางนําสงสํานักงานแลวยอนหลังเกาเดือน หารดวยเกาสิบ แตาผูประกันตนมีหลักฐานพิสูจนไดาถานําคาจางของสามเดือนอื่นในระยะเวลาเกาเดือนนั้นมาคํานวณแลวจะมีจํานวนสูงกวก็ใหนําคาจางสามเดือนนั้น หารดวยเกาสิบ หรือในกรณีที่ผูประกันตนยังสงเงินสมทบไมครบเกาเดือน ใหนําคาจางสามเดือนสุดทาย ที่ใชเปนฐานในการคํานวณเงินสมทบที่นายจางไดนําสงสํานักงานแลวหารดวยเกาสิบเปนเกณฑคํานวณ

สําหรับการคํานวณคาจางรายวันในการจายเงินทดแทนการขาดรายไดใหแกผูประกันตนตาม

มาตรา ๓๙ นั้น ใหคํานวณโดยเฉลี่ยจากจํานวนเงินที่ใชเปนฐานในการคํานวณเงินสมทบตามมาตรา ๓๙ วรรคสอง

 

 

การเปนผูประกันตน

มาตรา ๓๓7 ใหลูกจางซึ่งมีอายุไมต่ำกวาสิบหาปบริบูรณและไมเกินหกสิบปบริบูรณเปนผูประกันตน

ลูกจางซึ่งเปนผูประกันตนอยูแลวตามวรรคหนึ่ง เมื่อมีอายุครบหกสิบปบริบูรณและยังเปนลูกจางของ

นายจางอยูภายใตบังคับแหงพระราชบัญญัตินี้ ใหถือวาลูกจางนั้นเปนผูประกันตนตอไป

มาตรา ๓๘ ความเปนผูประกันตนตามมาตรา ๓๓ สิ้นสุดลงเมื่อผูประกันตนนั้น

() ตาย

() สิ้นสภาพการเปนลูกจาง     (4 กุมภาพันธ์ 2550)

ในกรณีที่ผูประกันตนที่สิ้นสภาพการเปนลูกจางตาม () ไดงเงินสมทบครบตามเงื่อนเวลาที่จะ

อใหเกิดสิทธิตามบทบัญญัติในลักษณะ แลวใหผูนั้นมีสิทธิตามบทบัญญัติในหมวด หมวด หมวด และหมวด อไปอีกหกเดือนนับแตวันที่สิ้นสภาพการเปนลูกจาง   (4 สิงหาคม 2550)    หรือตามระยะเวลาที่กําหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งตองไมเกินสิบสองเดือนนับแตวันที่สิ้นสภาพการเปนลูกจาง9

มาตรา ๓๙10 ผูใดเคยเปนผูประกันตนตามมาตรา ๓๓ โดยจายเงินสมทบมาแลวไมอยกวาสิบสอง

เดือน และตอมาความเปนผูประกันตนไดสิ้นสุดลงตามมาตรา ๓๘ ()าผูนั้นประสงคจะเปนผูประกันตนตอไปใหแสดงความจํานงต



ผู้ตั้งกระทู้ Vinusnun (qwerty27th-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2009-03-15 01:41:07


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2983286)

มาตรา ๓๙10 ผูใดเคยเปนผูประกันตนตามมาตรา ๓๓ โดยจายเงินสมทบมาแลวไมอยกวาสิบสอง

เดือน และตอมาความเปนผูประกันตนไดสิ้นสุดลงตามมาตรา ๓๘ ()าผูนั้นประสงคจะเปนผูประกันตนตอไปใหแสดงความจํานงตอสํานักงานตามระเบียบที่เลขาธิการกําหนดภายในหกเดือนนับแตวันสิ้นสุดความเปนผูประกันตน

จํานวนเงินที่ใชเปนฐานในการคํานวณเงินสมทบที่ผูประกันตนตามวรรคหนึ่งตองนําสงเขากองทุนตาม

มาตรา ๔๖ วรรคสอง ใหเปนไปตามอัตราที่กําหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้โดยใหคํานึงถึงความเหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจในขณะนั้นดวย

ใหผูประกันตนตามวรรคหนึ่งนําสงเงินสมทบเขากองทุนเดือนละครั้งภายในวันที่สิบหาของเดือนถัดไป

ผูประกันตนตามวรรคหนึ่งซึ่งไมงเงินสมทบหรือสงไมครบจํานวนภายในเวลาที่กําหนดตามวรรคสาม

องจายเงินเพิ่มในอัตรารอยละสองตอเดือนของจํานวนเงินสมทบที่ยังมิไดนําสงหรือของจํานวนเงินสมทบที่ยังขาดอยูนับแตวันถัดจากวันที่ตองนําสงเงินสมทบ สําหรับเศษของเดือนถาถึงสิบหาวันหรือกวานั้นใหนับเปนหนึ่งเดือน านอยกกวานั้นให้ตัดทิ้ง

 

การที่จะประเมินว่าบุคคลนั้น ๆ จเป็นบุคลทุพพลภาพได้นั้น ต้องดูอาการอย่างน้อย 6 เดือน และในความเป็นจริง ก็มักจะใช้เวลามากกว่านี้มาก ในกรณีของผม แพทย์ประเมินว่าเป็นบุคคลทุพพลภาพเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2550 และเพื่อป้องกันการสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน ทางประกันสังคมจังหวัดแนะนำให้สมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา ๓๙ ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2550 หลังจากนั้น วันที่ 11 ธันวาคม 2550 สำนักงานประกันสังคมจังหวัดมีคำสั่งประโยชน์ทดแทนว่ามีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพเป็นจำนวนเงินวันละ 80 บาท (ตามฐานเงินเดือนของมาตรา ๓๙)

 

อยากจะสอบถามว่า

1.     หากสิ้นสุดของมาตรา ๓๘ แล้ว ทางผมไม่สมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา ๓๙ ผมจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพหรือไม่

2.     เนื่องด้วยรู้อยู่แล้วว่า ต้องดูอาการอย่างน้อย 6 เดือน แพทย์จึงจะลงความเห็นว่าบุคคลนั้น ๆ จเป็นบุคลทุพพลภาพหรือไม่ ซึ่งเมื่อ 6 เดือนผ่านไปมาตรา ๓๘ ก็มีผลแล้ว ดังนั้นการป้องกันที่ทำได้ของผู้ประกันตนคือ สมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา ๓๙ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็จะหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะมีเงินเดือนเท่าไร เมื่อคุณประสบสภาวะเป็นบุคลทุพพลภาพ คุณก็จะได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพ โดยคำนวนฐานเงินสมทบจากมาตรา ๓๙ เท่านั้นใช่หรือไม่

3.     มีวิธีใดบ้างที่จะทำให้ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพ โดยคำนวณฐานเงินสมทบ ตามมาตรา ๓๓

4.     ผมได้ได้ทำการอุทธณ์กับประกันสังคมแล้ว แต่คณะกกรมการการอุทรณ์ยังยืนยันตามคำสั่งเดิม หากผมนำเรื่องฟ้องสารแรงงาน จะมีโอกาสที่จะชนะคดีหรือไม่

ผู้แสดงความคิดเห็น Vinusnun (qwerty27th-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-03-15 01:42:57



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.