เนื่องจากบริษัทที่ทำอยู่เจ้าของได้เปิดบริษัทคู่กันสองบริษัท ที่อยู่สำนักงานเดียวกัน เบอร์โทรเบอร์เดียวกัน เบอร์แฟกซ์ก็เบอร์เดียวกัน นั่งทำงานด้วยกัน แบบใช้เหมารวมเหมือนเป็นบริษัทเดียวกัน

บริษัทที่หนึ่งมีพนักงานสองคน บริษัทที่สองมีพนักงานสองคน และมีลูกจ้างหนึ่งคน

ดิฉันทำงานบริษัทที่หนึ่งและพนักงานทั้งสองบริษัทได้รับแจ้งว่า บริษัทจะลดวันทำงานลงสองวันและลดเงินเดือนลดลง10-30% (พนักงานทั้งสี่คนไม่ยินยอม เรื่องนี้ลูกจ้างได้รับการยกเว้นไว้เป็นคนเกลี้ยกล่อมและคงเป็นพยานด้วย)

วันที่สองใช้มาตรการใหม่ ทำเป็นหนังสือสอบถามความประสงค์ว่า

1 พนักงานมีความประสงค์ให้บริษัทเลิกจ้างและรับเงินชดเชย

2 พนักงานมีความประสงค์ให้ลดวันทำงานและลดเงินเดือนลงสิบถึงสามสิบเปอร์เซนต์

แล้วก็ให้เขียนชื่อ นามสกุลและข้อที่เลือกพร้อมกับเอาสำเนาบัตรประชาชนของแต่ละคนแนบท้ายเอกสารดังกล่าว

บริษัทที่ดิฉันทำพนักงานธุรการได้เลือกข้อหนึ่ง ดิฉันไม่ได้เลือกแต่ทำหนังสือแย้งว่าดิฉันไม่ได้ประสงค์

จะเลือกข้อใดแต่ถ้าบริษัทประสงค์จะเลิจ้างดิฉันก็ให้ทำหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

และต้องจ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างตามกฎหมายแรงงานและลงท้ายหนังสือว่าจึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการอย่างเร่งด่วน

ส่วนบริษัทที่สองมีพนักงานชายยอมให้ลดเงินเดือน ส่วนพนักงานหญิงเลือกข้อหนึ่ง

ผลปรากฎว่าทางเจ้าของบริษัทเลยไม่ส่งเอกสารเลิกจ้างแก่ ประกันสังคมทั้งๆที่ทำเสร็จแล้ว

และได้กล่าวหาพนักงานธุรการว่าธุจริตต่อหน้าที่ (แต่พนักงานไม่ยอมเซนต์)เลยโดนจ้างออก ได้สามเดือนพร้อมค่าบอกกล่าวทั้งๆที่มีอายุงานครบสามปี

คราวนี้ทีคิวดิฉันเค้าแจ้งทางโทรศัพท์ว่าให้หยุด1-15  เมษายนและเปิดทำการปกติ วันที่ 16 เมษายน

ดิฉันได้โทรถามว่าเนื่องจากเหตุผลอะไรถึงหยุดหลายวันและจ่ายเงินเดือนเต็มเดือน ได้รับคำตอบว่าต้องการประชุมเป็นการภายใน โดยให้พนักงานบริษัทที่สองมาทำงานปกติ แต่แจ้งพนักงานบริษัทที่หนึ่ง

ให้หยุด ดิฉันได้สอบถามยังผู้รู้หลายแหล่งจึงได้รับคำตอบว่าให้เค้าทำหนังสือแจ้งมาว่าให้เราหยุดจริง

โดยที่พนักงานไม่ได้ขาดงาน ดิฉันจึงร่างหนังสือไปให้และได้รับการแก้ไขและเซนต์กลับมา

โดยระบุว่าให้มาทำงานปกติวันที่16 แต่ช่วงเย็นวันที่15 ได้รับแจ้งจากลูกจ้างของบริษัทที่สองว่าดิฉันไม่ต้องมาทำงานวันที่16 ดิฉันสงสัยจึงได้เข้ามาที่บริษัทเจ้าของกิจการอยู่และพนักงานบริษัทที่สองอยู่แต่เจ้าของเดินมาบอกว่าวันนี้ปิดบริษัท เข้ามาทำใมเปลืองตังค่ารถ ให้กลับบ้านไป ค่อยมาทำวันที่สิบเจ็ด

พอเช้าวันที่สิบเจ็ดมาทำงานกลับไม่มีสมุดลงเวลาซึ่งระเบียบบริษัทจะต้องเซนต์ทุกครั้งที่เข้าและออก

พอสอบถามพนักงานบริษัทที่สองว่าเซนต์ชื่อรึเปล่ากลับได้รับคำตอบว่าไม่ได้เซนต์มาสองสามวันแล้ว

ดิฉันเลยสอบถามเจ้าของบริษัทและได้รับคำตอบว่าไม่จำเป็นมั้ง(ทั้งๆที่เพิ่งแจกกฎของบริษัทมาไม่กี่เดือน) และบอกว่าเดี๋ยวจะเอาเล่มใหม่มาให้ ตกลงก็ไม่ได้เซนต์เพราะทำเนียนไมเอาสมุดมาดิฉันไม่อยากโดนกล่าวหาว่าประสาท(เค้าพูดแบบนี้สองสามครั้งตอนที่เอาหนังสือมาให้เซนต์)เลยเฉยกะว่าวันจันทร์ไปทำงานจะไปทวงถามใหม่ และตอนนี้ดิฉันเป็นพนักงานคนเดียวของบริษัทที่หนึ่ง

ควรจะทำอย่างไรดีคะเมื่อเจอแบบนี้อาจจะคิดมากไปเองแต่สิ่งที่เจ้าของกิจการทำมันแสดงถึงการที่จะ

พยายามทำให้หมดสภาพการเป็นพนักงานตามมาตรา 119 หรือทำผิดร้ายแรงแก่บริษัท

ในกรณีแบบนี้ควรปฎิบัติตัวอย่างไรคะ

ตอนรับเงินเดือนของเดือนมีนาคม ได้ม่การหักเงินประกันสังคมไปแล้ว และหักเงินมาสาย

ในขณะนี้ธุรการออกไปแล้ว ดิฉันจะทราบได้อย่างไรว่าบริษัทปิดกิจการแล้วแต่ไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงาน

และไม่แจ้งให้พนักงานทราบสถานภาพการจ้างงาน

ในขณะนี้เจ้าของกิจการได้จับคู่ให้ทำงานเดียวกันกับลูกจ้างบริษัทที่สอง การกระทำเหมือนโอนดิฉัน

มาบริษัทใหม่แต่คงต้องรอดูว่าเอกสารเซนต์รับเงินเดือนของเดือนเมษายนเป็นหัวกระดาษบริษัทใหน

แล้วถ้าหัวกระดาษเป็นของอีกบริษัทถ้าเซนต์รับมาเท่ากับดิฉันเสียสิทธิการรับเงินชดเชยจากบริษัทแรก

มีหลายคำถามคาใจมากมายเลยคะอีกหลายเหตุการณ์คือรวมๆแล้วอยากทราบว่าจะทำอย่างไรให้ทราบ

ไม่ได้โดนหลอกให้ทำงานโดยที่เค้าไม่ได้ส่งประกันสังคมให้ทั้งๆที่หักไปแล้ว และจะทราบได้อย่างไรว่า

เค้าปิดกิจการแล้วจะแจ้งเจ้าพนักงานหรือไม่ก็ตาม

ขอบคุณคะ