หน้าที่ของลูกจ้าง
1.ลูกจ้างต้องทำงานให้แก่นายจ้าง วัตถุประสงค์ของสัญญาจ้างแรงงานตามที่ปรากฏอยู่ในมาตรา 575 นั้นก็คือ การที่ลูกจ้างจะต้องทำงานให้แก่นายจ้าง เพื่อที่จะได้รับค่าตอบแทนเป็นสินจ้าง ดังนั้นเพื่อที่จะให้ได้รับสินจ้างจากนายจ้าง ลูกจ้างก็มีหน้าที่จะต้องทำงานให้แก่นายจ้าง
2.ลูกจ้างจะต้องทำงานด้วยตัวเอง ตามสัญญาจ้างแรงงานนั้นนอกจากลูกจ้างมีหน้าที่ในการทำงานให้แก่นายจ้างแล้ว ลูกจ้างยังจะต้องทำงานด้วยตนเอง ในเรื่องนี้บทบัญญัติของ ป.พ.พ. มาตรา 577 วรรคสอง บัญญัติว่า ลูกจ้างจะให้บุคคลภายนอกทำงานแทนตนก็ได้เมื่อนายจ้างยินยอมพร้อมใจด้วย
3. ลูกจ้างจะต้องมีความสามารถตามที่ตนได้รับรองไว้โดยแจ้งชัดหรือโดยปริยาย
มาตรา 578 บัญญัติว่า ถ้าลูกจ้างรับรองโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายว่าตนเป็นผู้มีฝีมือพิเศษ หากมาปรากฏว่าไร้ฝีมือเช่นนั้นไซร้ ท่านว่านายจ้างชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้
หน้าที่ของนายจ้าง
1.จ่ายสินจ้างตามจำนวนและระยะเวลาที่ตกลงกัน
สัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาที่มีค่าตอบแทน กล่าวคือ เมื่อลูกจ้างได้ทำงานให้แก่นายจ้างแล้ว ลูกจ้างก็มีสิทธิที่จะได้รับสินจ้างอันเป็นบำเหน็จค่าเหนื่อยในการทำงาน
2.ออกใบสำคัญแสดงว่าลูกจ้างนั้นได้ทำงานให้
มาตรา 585 บัญญัติว่า เมื่อลูกจ้างแรงงานลูกจ้างสิ้นสุดลงแล้ว ลูกจ้างย่อมที่จะได้รับใบสำคัญแสดงว่าลูกจ้างทำงานมานานเท่าไร และงานที่ทำนั้นเป็นงานอย่างไร
3.ออกค่าเดินทางขากลับถิ่นให้แก่ลูกจ้าง
มาตรา586 บัญญัติว่า ถ้าลูกจ้างเป็นผู้ซึ่งนายจ้างได้จ้างเอามาแต่ต่างถิ่นโดยนายจ้างออกเงินค่าเดินทางให้ไซร้ เมื่อการจ้างแรงงานสิ้นสุดลง และถ้ามิได้กำหนดกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาแล้ว ท่านว่านายจ้างจะต้องใช้เงินค่าเดินทางขากลับให้ แต่จะต้องเป็นดังต่อไปนี้ คือ
1.สัญญามิได้เลิกหรือระงับเพราะการกระทำหรืความผิดของลูกจ้าง และ
2.ลูกจ้างกลับไปยังถิ่นที่ได้จ้างเอามาภายในเวลาอันสมควร
ที่มา : โดยไผทชิต เอกจริยกร ศาสตราจารย์ ดร.,คำอธิบายกฎหมายแรงงาน จ้างแรงงาน จ้างทำของ รับขน พิมพ์ครั้งที่ 6 กรุงเทพฯ วิญญูชน,2547(หน้า 45 - 62 )