ตอนที่ 6 อุทาหรณ์
เรื่อง การเลิกจ้างที่เกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรม
ฎีกาที่ 1425/2522
ในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลบังคับและลูกจ้างมิได้มีความผิดตามที่ระบุไว้ โจทก์ยุบเลิกแผนกส่งของ เลิกจ้างลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในแผนกนี้โดยไม่หาตำแหน่งอื่นให้ การกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 และเมื่อได้ความว่าโจทก์ยุบเลิกแผนกส่งของและเลิกจ้างลูกจ้างก็เนื่องจากลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้องให้ปรับปรุงค่าจ้าง และสวัสดิการ ทั้งนี้เพราะลูกจ้างแผนกส่งของหลายคนเป็นผู้นำในการร้องเรียนก่อให้เกิดความยุ่งยากแก่โจทก์ การเลิกจ้างลูกจ้างของโจทก์จึงฝ่าฝืนมาตรา 121(1) ด้วย บทบัญญัติมาตรา 123 และ 121 อยู่ในหมวด 9 เรื่อง การกระทำอันไม่เป็นธรรม จำเลยในฐานะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ย่อมมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคำร้องของลูกจ้าง และสั่งให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายได้ตามมาตรา 41(4) ประกอบด้วยมาตรา 125
ฎีกาที่ 2602-2603/2523
การที่ลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้องต่อบริษัท อ. ผู้เป็นนายจ้างให้เปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นแม้จะยื่นในระหว่างที่ยังใช้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมที่ตกลงกัน ก็ถือได้ว่าได้มีการยื่นข้อเรียกร้องแล้ว บริษัท อ. จึงต้องห้ามมิให้เลิกจ้างลูกจ้างนั้นเพราะเหตุที่ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวดังที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121 การเลิกจ้างนั้นจึงไม่ชอบ
ฎีกาที่ 1358/2524
ในกรณีที่มีการเลิกจ้างโดยการกระทำอันไม่เป็นธรรมนั้น นอกจากค่าชดเชยที่นายจ้างจะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง โดยลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดตามข้อ 47 แล้ว ลูกจ้างมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 76 และคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีอำนาจตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 41(1) ที่จะกำหนดค่าเสียหายให้แก่ลูกจ้างในกรณีนายจ้างกระทำการอันไม่เป็นธรรมเป็นอีกส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากค่าชดเชยที่นายจ้างจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
ฎีกาที่ 3745/2531
การที่ลูกจ้างทั้งเจ็ดออกมาร่วมนัดหยุดงานภายหลังที่สหภาพแรงงานได้นัดหยุดงานไปแล้วย่อมเป็นการนัดหยุดงานโดยชอบ เมื่อนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างทั้งเจ็ด จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 121
อย่างไรก็ตามหากนายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุจำเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากเหตุที่บัญญัติไว้ในมาตรา 121 แล้ว นายจ้างก็สามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้โดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
อุทาหรณ์
ฎีกาที่ 3680/2530
โจทก์เลิกจ้างนายนคร ลูกจ้าง เนื่องจากโจทก์ประสบภาวการณ์ขาดทุนติดต่อกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2526 ถึง พ.ศ. 2529 รวมเป็นเงิน 2,000,000 บาทเศษ โจทก์มิได้เลิกจ้างนายนครเพราะเหตุนายนครเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเหล็กและโลหะแห่งประเทศไทย และมิใช่เหตุจากการเป็นตัวแทนเจราจาข้อเรียกร้องกับโจทก์ และการเลิกจ้างของโจทก์มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้างแต่เป็นการกระทำโดยความจำเป็นเพื่อพยุงฐานะของโจทก์ให้ดำเนินการต่อไปด้วยดี โจทก์เลิกจ้างนายนคร จึงเป็นกรณีที่มีเหตุผลเพียงพอและเป็นการสมควร การกระทำของโจทก์มิใช่เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์มาตรา 121
โดย: กิติพงศ์ หังสพฤกษ์,บทความผลทางกฎหมายของการนัดหยุดงานและการปิดงาน,(วารสารศาลแรงงาน ปีที่ 12 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2539)น.52-62
รวมคำพิพากษาฎีกา ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ทศวรรษที่ 2 (ปี พ.ศ. 2532-2542) น.223-225
27/7/2549