คำสั่งเจ้าพนักงานตรวจแรงงานกับการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง
เจ้าพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนแก่ลูกจ้างที่ถูกสั่งให้หยุดงานเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่านายจ้างไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องหยุดกิจการชั่วคราวโดยจ่ายค่าจ้างเพียงครึ่งเดียว นายจ้างใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งเจ้าพนักงานตรวจแรงงานซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและมิได้ฟ้องเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานตรวจแรงงานภายใน 30 วันตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดไว้ กรณีเช่นนี้มีประเด็นที่น่าพิจารณาคือ การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของนายจ้างพอจะถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิฟ้องเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานตรวจแรงงานภายใน 30 วันตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดไว้หรือไม่ เพราะเหตุใด ? หรือกล่าวง่ายๆก็คือ ทำอย่างไรมิให้นายจ้างต้องเสียสิทธิตามมาตรา 125 กฎหมายคุ้มครองแรงงานนั้นเอง
เรื่องนี้อาจตอบได้โดยไม่ยากนักว่า กรณีเช่นนี้ไม่อาจถือได้ว่านายจ้างได้นำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานตรวจแรงงานตามที่กฎหมายกำหนด เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็แปลความตรงไปตรงมาคือ การอุทธรณ์คำสั่งมิใช่การนำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงานตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นเอง เมื่อนายจ้างมิได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงานเพื่อฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง คำสั่งของเจ้าพนักงานตรวจแรงงานย่อมเป็นที่สุด การที่นายจ้างสับสนเรื่องการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองซึ่งในที่สุดจะต้องมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองกับการนำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงานตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นอาจเป็นเพราะนายจ้างมองข้ามความในมาตรา 8 (4) กฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีแรงงานที่กำหนดให้ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และมองข้ามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางปกครองที่กำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้มิให้ศาลปกครองพิจารณาคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลแรงงาน จึงได้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น แล้วหากนายจ้างจะเถียงว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานตรวจแรงงานก็คือคำสั่งทางปกครองเช่นกันการใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมิใช่หรือ หากใช่ การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองก็น่าจะไม่เป็นเหตุให้นายจ้างต้องเสียสิทธิใดๆซิถึงจะถูกต้อง เรื่องนี้คงตอบได้ว่า การที่ต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงานภายใน 30 วัน ตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานมาตรา 125 บัญญัติไว้นั้นแสดงให้เห็นแล้วว่ากฎหมายคุ้มครองแรงงานได้กำหนดวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองไว้เป็นการเฉพาะแล้วและมีหลักเกณฑ์ที่ประกันความเป็นธรรมทั้งมีมาตรฐานการปฏิบัติราชการไม่ต่ำไปกว่าหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มาตรา 3 กรณีนี้จึงต้องบังคับตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานมาตรา 125 ดังนั้น ข้ออ้างของนายจ้างแม้จะน่าเห็นใจแต่ก็ไม่อาจแก้ไขประการใดได้ นายจ้างจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานตรวจแรงงานที่ให้จ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนให้แก่ลูกจ้างที่ถูกสั่งให้หยุดงานเป็นการชั่วคราวทั้งหมด