กรณีใดบ้างที่กฎหมายบัญญัติให้คำวินิจฉัยเป็นที่สุด ?
ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ในกิจการตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การรถไฟ การท่าเรื่อ โรงพยาบาล งานขนส่ง เป็นต้น ในพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 23 บัญญัติให้พนักงานประนอมข้อพิพาทต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์พิจารณาวินิจฉัย หากคู่กรณีไม่พอใจคำวินิจฉัยต้องอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด ทั้งฝ่ายแจ้งข้อเรียกร้องและฝ่ายรับข้อเรียกร้องต้องปฏิบัติตาม ในมาตรา 24 ก็บัญญัติไว้ว่า เมื่อมีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ในกิจการอื่นนอกจากกิจการตามมาตรา 23 รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานนั้นได้ คำชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ให้เป็นที่สุด ทั้งลูกจ้างนายจ้างต้องปฏิบัติตาม ในมาตรา 25 ก็บัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือประกาศภาวะฉุกเฉิน รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ตามมาตรา 22 วรรคสาม ได้รับการชี้ขาดจากคณะบุคคลที่รัฐมนตรีแต่งตั้งได้ คำชี้ขาดของคณะบุคคลนั้นให้เป็นที่สุด คู่กรณีต้องปฏิบัติตามอีกเช่นกัน
ต้องการฟ้องเพิกถอนคำวินิจฉัยที่เป็นที่สุดต่อศาลแรงงานทำได้หรือไม่ ?
คำวินิจฉัยที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นที่สุดนั้น มีความหมายว่า เป็นที่สุดในการใช้อำนาจบริหาร คู่กรณีไม่สามารถอุทธรณ์ต่อผู้ใช้อำนาจบริหารในระดับที่สูงกว่าหรือในระดับใดก็ตามเพื่อให้มีคำสั่งลบล้างคำวินิจฉัยดังกล่าวได้อีกต่อไป ไม่ว่าผลของคำวินิจฉัยนั้นจะเป็นที่ไม่พอใจเพียงใดก็ตาม คู่กรณีต้องปฏิบัติตาม การจะฟ้องศาลเพิกถอนการใช้ดุลพินิจในทางบริหารที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นที่สุดเช่นนี้จะกระทำได้หรือไม่ มีหลักพิจารณา 2 ประการ คือ 1. เป็นการฟ้องเพิกถอนการใช้ดุลพินิจในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ หากใช่ ย่อมไม่สามารถฟ้องเพิกถอนได้ เช่น ฟ้องเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่วินิจฉัยให้โจทก์จ่ายเงินโบนัสแก่ลูกจ้างสูงเกินไปไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ หรือรัฐมนตรีวินิจฉัยให้ปรับค่าจ้างประจำปีให้ลูกจ้างมากเกินไปในขณะที่โจทก์ประสบสภาวะทางการเงิน เช่นนี้ไม่อาจฟ้องเพิกถอนได้ เพราะเป็นการวินิจฉัยดุลพินิจในข้อเท็จจริงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องถึงที่สุดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ 2. เป็นการฟ้องเพิกถอนการใช้ดุลพินิจในปัญหาข้อกฎหมายหรือไม่ หากใช่ ย่อมฟ้องเพิกถอนได้ เช่น ฟ้องเพิกถอนคำสั่งรัฐมนตรีที่สั่งให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ดำเนินการวินิจฉัยข้อเรียกร้องของลูกจ้างต่อไป ทั้งที่ข้อเรียกร้องดังกล่าวมีลูกจ้างถอนชื่อจนเหลือไม่ครบร้อยละ 15 ของลูกจ้างทั้งหมดแล้ว เช่นนี้ฟ้องเพิกถอนได้ เพราะการใช้ดุลพินิจในข้อกฎหมายเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ปัญหาข้อกฎหมายย่อมไม่ถึงที่สุดโดยอำนาจบริหารตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่จะถึงที่สุดโดยอำนาจตุลาการ
ความยากของการฟ้องเพิกถอนคำวินิจฉัยที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นที่สุด คือ ต้องวิเคราะห์คดีให้แตกเสียก่อนว่า คำวินิจฉัยที่จะฟ้องนั้นมีข้อผิดพลาดในข้อกฎหมายหรือไม่ การจะรู้ว่า มีข้อผิดพลาดในข้อกฎหมายหรือไม่ก็ต้องแยกให้ออกเสียก่อนว่า ปัญหาข้อเท็จจริง คือ อะไร และปัญหาข้อกฎหมาย คือ อะไร ?
...............................................................
26/4/2549