การจ้างแรงงานภายนอกการบินไทยเป็นการขาดธรรมมาภิบาลจริงหรือ?
ตอนที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างต้นทางกับนายจ้างปลายทาง
ในกรณีที่ผู้รับเหมาค่าแรงซึ่งเป็นนายจ้างต้นทางและเป็นนายจ้างตัวจริงประพฤติตนเป็นนินจาหายตัวไปดื้อๆ และไม่ฝากเงินใดๆ ให้แก่ลูกจ้างเลย (ภาษานักเลงเรียกว่า ชักดาบ ) หรือไม่สามารถรับผิดชอบจ่ายเงินต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วแก่ลูกจ้างได้แล้ว กฎหมายจึงกำหนดให้ผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างและเป็นนายจ้างปลายทางผู้ได้รับประโยชน์จากสัญญาจ้างเหมาค่าแรงเป็นผู้รับผิดชอบแทนนายจ้างต้นทางทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายค่าจ้างและเงินอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วแก่ลูกจ้างนั่นเอง แต่ไม่ได้หมายความว่า ระหว่างลูกจ้างของผู้รับเหมา (ซึ่งเป็นนายจ้างต้นทาง) กับผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นนายจ้างปลายทางจะมีนิติสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้างกันจริงๆ ตามกฎหมายเลย เพราะนายจ้างปลายทางไม่ได้มีอำนาจบังคับบัญชาเหนือลูกจ้างของผู้รับเหมา
และจากข้อเท็จจริงดังกล่าว หน้าที่ในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนก็ตกเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมา หรือนายจ้างต้นทาง มิใช่บริษัทของผู้ว่าจ้าง ทั้งการทำสัญญาจ้างเหมาค่าแรงระหว่างผู้ว่าจ้างเหมาหรือนายจ้างปลายทาง กับผู้รับเหมานี้ก็เป็นเพียงการทำนิติกรรมสัญญาตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้นการที่การบินไทยสัญญาจ้างเหมาแรงงานภายนอกเพื่อทำการให้บริการบนเครื่องบินตามกฎหมายซึ่ง บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จะได้รับประโยชน์ในการลดต้นทุนในระยะยาวด้วย ผมจึงไม่เห็นว่าบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะเสียหายภาพพจน์ใดๆ (ที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทยแล้วต้องใช้คำว่าภาพลักษณ์) เลย ในกรณีที่จะมีแผนการจ้างเหมาแรงงานภายนอก (Outsource) เพราไม่ได้หลีกเลี่ยงกฎหมายใดๆ กระบวนการจัดจ้างก็เกิดขึ้นและเดินไปตามครรลองของกฎหมายทุกประการ ในทางตรงกันข้ามถ้ากระบวนการจัดจ้างแรงงานภายนอกให้ปฏิบัติหน้าที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพนักงานนั้น ได้กระทำอย่างโปร่งใสโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้ และเมื่อได้ว่าจ้างแล้วการบินไทยการความคุ้มค่า (Effectiveness) ทางธุรกิจก็ยิ่งจะประจักษ์ชัดถึงวิสัยทัศน์และความรับผิดชอบ (Accountability & Responsibility) ที่ผู้บริหารการบินไทยมีต่อกิจการของชาติ อันแสดงได้ว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้บริหารกิจการอย่างมีธรรมาธิบาลหรือมี Good Corporate Governance แล้วนั่นเอง ทั้งยังไม่ปรากฏว่า การบินไทยมีแผนหรือนโยบายใดๆ ในการปรับลดกำลังพนักงานในปัจจุบันหรืออนาคตเพื่อลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย แต่หากผู้บริหารการบินไทยกริ่งเกรงว่าบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะต้องรับผิดชอบการจ่ายค่าจ้าง ค่าทำงานวันหยุด ค่าทำงานล่วงเวลา ค่าทำงานล่วงเวลาในวันหยุด ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แทนสำหรับกรณีที่นายจ้างต้นทางซึ่งเป็นผู้รับเหมาค่าแรง เบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงินต่างๆ ที่กล่าวมา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ก็สามารถกำหนดคุณสมบัติเงินทุนประกอบการเบื้องต้นของผู้เสนอตัวเข้าประมูลงานรับเหมาค่าแรงได้ตามที่เห็นสมควร และในตัวข้อสัญญารับเหมาก็สามารถกำหนดให้ บริษัทผู้รับเหมาต้องมีสัญญาค้ำประกันจากธนาคารเพื่อประกันการชำระหนี้ต่างๆที่กล่าวมานั้นให้แก่การบินไทย ในกรณีที่การบินไทยได้ชำระหนี้นั้นแทนไปแก่ลูกจ้างของบริษัทผู้รับเหมาค่าแรงนั้น ก็สามารถทำได้เช่นกัน และเพื่อเป็น Warning Sign ในเรื่องการดูแลการจ่ายค่าจ้างและเงินอื่น ๆ แก่พนักงานของบริษัทผู้รับเหมาในข้อสัญญาก็สามารถกำหนดให้บริษัทผู้รับเหมาต้องรายงานเรื่องการจ่ายค่าจ้างและเงินอื่นๆ ให้ลูกจ้างของตนแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ว่าจ้างทุกๆ เดือนก็ได้ ซึ่งผมเชื่อว่าบริษัทผู้รับเหมาแรงงานภายนอกเพื่อปฏิบัติหน้าที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้น พร้อมจัดทำสัญญาจากธนาคารและรางานนั้นให้แน่ๆ แต่โอกาสในการประสบความสำเร็จในการ Outsource นี้ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของผู้บริหาร และสภาพการเมืองทั้งภายในการบินไทยเองและการเมืองภายนอกด้วย อย่างไรก็ตามการ Outsource อาจมีผลกระทบบ้างต่อสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยบ้าง เนื่องจากลูกจ้างของบริษัทผู้รับเหมาไม่สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยได้ เพราะไม่ใช่พนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยนั่นเอง แต่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสลักสำคัญอะไรสำหรับสหภาพแรงงานเพราะสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยมีความเข้มแข็งมากอยู่เป็นนทุนเดิมแล้วนั่นเอง
ที่กล่าวมาทั้งหมด 3 ตอน ก็เป็นการแสดงความเห็นทางวิชาการที่เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานและเห็นแก่ประโยชน์ของแผ่นดินเป็นหลักสำคัญ เพราะการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจของชาติ ก็ย่อมเป็นของผมในฐานะหุ้นส่วนคนหนึ่งในบริษัทประเทศไทย จำกัด ซึ่งเสมือนหนึ่งเป็นบริษัทแม่ของการบินไทย เท่านั้นเอง หากข้อคิดเห็นนี้มีความดี หรือมีประโยชน์แก่ผู้บริหารการบินไทยหรือผู้บริหารชาติบ้านเมืองบ้าง ผมก็ยินดีมากที่ได้ทำหน้าที่เสนอความเห็นนี้.....ขอรับเจ้านาย
โดย..เกรียงไกร เจียมบุญศรี
นิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยม) (ม.ร.) ประกาศนียบัตรบัณฑิตกฎหมายธุรกิจ (ม.ธ.),MPA (จุฬาฯ)
ทนายความที่ปรึกษากฎหมายในคดีแรงงาน
14/5/2549