สถานประกอบการที่มีกรรมการลูกจ้าง หากนายจ้างประสงค์จะเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างกฎหมายกำหนดให้ต้องขออนุญาตจากศาลแรงงานเสียก่อน เมื่อศาลอนุญาตแล้วจึงจะเลิกจ้างได้ เหตุที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นนี้ก็เพราะป้องกันมิให้นายจ้างหาเหตุกลั่นแกล้งลูกจ้างที่ทำหน้าที่กรรมการลูกจ้างนั้นเอง
เหตุในการขออนุญาตต่อศาลนั้นอาจแบ่งได้เป็น 2 ประการ คือ
1. เหตุที่มาจากตัวกรรมการลูกจ้างเอง เช่น กรรมการลูกจ้างกระทำผิดวินัย
2. เหตุที่มาจากตัวนายจ้างเอง เช่น นายจ้างยุบแผนกหรือหน่วยงานที่กรรมการลูกจ้างทำงานอยู่และไม่อาจหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้ทำได้
การขอเลิกจ้างไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ตามกรรมการลูกจ้างมักคัดค้านจำเป็นที่ศาลต้องไต่สวนและสืบพยานกันทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้คัดค้านจึงต้องใช้เวลาดำเนินการระยะหนึ่งอาจจะ 2-3 เดือนเป็นอย่างน้อย หรืออาจจะ 1-2 ปีเลยทีเดียว ตลอดระยะเวลาที่ศาลพิจารณากรรมการลูกจ้างก็ยังคงสถานภาพการเป็นลูกจ้างอยู่ หากนายจ้างไม่มีงานให้ทำหรือไม่ประสงค์จะให้ทำงานนายจ้างก็ต้องจ่ายค่าจ้างตลอดไปจนกว่าศาลจะอนุญาต
กรณีเหตุเลิกจ้างมาจากฝ่ายนายจ้างและกิจการของนายจ้างยังดำเนินไปตามปกติมีลูกจ้างอื่นทำงานอยู่ระหว่างรอคำวินิจฉัยจากศาล นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้กรรมการลูกจ้างด้วยก็ดูเป็นการสมควรอยู่ แต่กรณีนายจ้างปิดกิจการเป็นการถาวรและเลิกจ้างลูกจ้างอื่นๆหมดแล้ว คงเหลือเฉพาะกรรมการลูกจ้างหรือเหลือพนักงานอื่นที่จำเป็นอีกไม่กี่คนเท่านั้น กรณีอย่างนี้จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า จำเป็นต้องขออนุญาตศาลเพื่อเลิกจ้างหรือไม่ เพราะเหตุใด ?
เรื่องนี้มีหลายความเห็น ท่านลองพิจารณาความเห็นเหล่านี้แล้วตอบตัวเองว่าท่านเห็นด้วยกับความเห็นใด ?
ความเห็นที่ 1. เมื่อดูที่เจตนารมณ์ของกฎหมายที่ให้ขออนุญาตจากศาลนั้นก็เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งกรรมการลูกจ้าง กรณีนี้ข้อเท็จจริงชัดเจนว่านายจ้างมิได้กลั่นแกล้ง เนื่องจากลูกจ้างอื่นๆก็ถูกเลิกจ้างเช่นกัน แล้วเป็นการเลิกจ้างทั้งหมดเนื่องจากปิดกิจการอย่างถาวรแม้จะมีลูกจ้างอื่นเหลืออยู่บ้างตามความจำเป็นก็มีจำนวนเพียงเล็กน้อย กรณีอย่างนี้นายจ้างควรเลิกจ้างได้เองไม่ควรต้องขออนุญาตจากศาลเสียก่อน เทียบเคียงกับ กรณีนายจ้างปิดกิจการชั่วคราวและจ่ายค่าจ้างร้อยละ 50 กรณีกรรมการลูกจ้างนายจ้างสามารถลดค่าจ้างให้เหลือร้อยละ 50 เหมือนกับพนักงานอื่นๆได้ทันทีไม่จำต้องขออนุญาตจากศาล ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ?
ความเห็นที่ 2. กฎหมายกำหนดไว้ว่า สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปอาจจัดตั้งคณะกรรมการลูกจ้างได้ สถานะภาพความเป็นกรรมการลูกจ้างจะคงอยู่ได้ต่อเมื่อในสถานประกอบการนั้นต้องมีลูกจ้างไม่น้อยกว่า 50 คน ตลอดเวลา เมื่อลูกจ้างอื่นถูกเลิกจ้างจนหมดหรือเกือบหมดคงเหลือเพียงไม่กี่คนเช่นนี้ กรรมการลูกจ้างที่มีอยู่ย่อมพ้นสภาพไปโดยปริยาย เทียบเคียงกับ กรณีลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้องต้องมีผู้สนับสนุนข้อเรียกร้องไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดตลอดเวลา เมื่อลูกจ้างถอนข้อเรียกร้องจนเหลือจำนวนลูกจ้างที่สนับสนุนข้อเรียกร้องไม่ถึงร้อยละ 15 ของลูกจ้างที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ข้อเรียกร้องย่อมตกไปโดยปริยาย ผู้แทนเจรจาย่อมสิ้นสภาพไปด้วยเช่นกัน ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ?
ความเห็นที่ 3. กฎหมายกำหนดไว้แล้วว่า ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้างกรรมการลูกจ้าง เว้นแต่ จะได้รับอนุญาตจากศาลแรงงาน อ่านแล้วก็เข้าใจได้ง่ายๆตรงตัว เมื่อต้องการเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างเพราะเหตุปิดกิจการถาวรก็ต้องขออนุญาตต่อศาลเสียก่อน ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ?
ความเห็นที่ 4. กฎหมายกำหนดไว้แล้วว่า นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งเมื่อ ตาย ลาออก เป็นคนไร้หรือเสมือนไร้ความสามารถและอื่นๆรวม 7 ข้อ ซึ่งทั้ง 7 ข้อ ไม่มีข้อไหนกำหนดให้กรณีลูกจ้างอื่นถูกเลิกจ้างหมดหรือเกือบหมดเหลือเฉพาะกรรมการลูกจ้างแล้วเป็นเหตุให้กรรมการลูกจ้างพ้นจากตำแหน่ง ดังนั้น กรณีปิดกิจการอย่างถาวรจึงต้องขออนุญาตศาลแรงงานเพื่อเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างเช่นกัน ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ?
ท่านลองคิดดูสักหน่อยว่า ท่านเห็นด้วยกับความเห็นใด หรือท่านมีความเห็นอื่นที่แตกต่างไปท่านสามารถแสดงความเห็นได้ที่นี่ เช่นกัน เราพร้อมรับฟังความเห็นท่าน
..........................................19 ก.ย. 49