ก็มีบ้างที่นายจ้างอาจแพ้คดีที่ลูกจ้างฟ้องเรียกค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ย (แต่อย่าบ่อยนักนะ) และก็มีบ้างที่ศาลจะพิพากษาให้นายจ้างจ่ายเงินเพิ่มร้อยละ 15 ต่อ 7 วันด้วย (แต่อย่าบ่อยนักนะ) เนื่องจากศาลเห็นว่า การที่นายจ้างไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลานั้นเป็นการจงใจโดยปราศจากเหตุอันสมควร เงินเพิ่มที่ศาลสั่งให้จ่ายนี้ ลูกคิดรางแก้วคำนวณไม่ถูกเลย (ต้องใช้เครื่องคิดเลขช่วย) ผลการคำนวณก็ตกอยู่ราวๆร้อยละ 782 ต่อปีเท่านั้น (ลูกจ้างคำนวณให้) เอาเป็นว่าถ้าจ่ายให้ลูกจ้างรายสองรายคงไม่เป็นไรดอก แต่หากต้องจ่ายให้ลูกจ้างร้อยสองร้อยราย งบกำไรขาดทุนปีนี้คงไม่สวยแต่ แต่ทำอย่างไรได้ คำพิพากษาของศาลต้องเคารพ เอาละไหนๆศาลก็พิพากษาให้จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ยแล้ว หากนายจ้างไม่ติดใจยอมจ่ายเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาของศาลเสีย โดยนำไปวางต่อศาลให้ลูกจ้างมารับไปได้เลย (ไม่ต้องเกรงใจนายจ้าง) แต่ติดใจในเงินเพิ่มจะอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา หากเป็นเช่นนี้ จะทำได้หรือไม่ ? (จะทำได้ไหม ทำได้หรือเปล่า ช่าช่าช่า) ได้หรือไม่ได้ครับ คำตอบคือ ได้แน่นอน เนื่องจากคำพิพากษาของศาลที่ให้รับผิดในค่าจ้าง ค่าล่วงเวลานั้น อาศัยประเด็นในการวินิจฉัยต่างจากความรับผิดในเงินเพิ่ม การไม่อุทธรณ์ในประเด็นค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา จึงไม่กระทบต่อสิทธิที่จะอุทธรณ์ในประเด็น เงินเพิ่ม (ถูกต้องแล้วครับ) คำถามต่อไปครับ การที่นายจ้างยอมจ่ายเฉพาะค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ย แต่ไม่จ่ายเงินเพิ่มเช่นนี้ถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ครับ ? ตอบครับ (เดี๋ยวคิดก่อนซิ) ขอตอบว่า เป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมายครับ (เพราะอะไรหรือครับ) เพราะกฎหมายกำหนดให้เฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้นที่เป็นหนี้อุปกรณ์ของหนี้ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาซึ่งเป็นหนี้ประธาน การชำระหนี้ประธานกฎหมายกำหนดให้ต้องชำระหนี้อุปกรณ์พ่วงไปด้วย ส่วนเงินเพิ่มมิใช่หนี้อุปกรณ์เหมือนเช่นดอกเบี้ย นายจ้างจึงสามารถแยกหนี้เงินเพิ่มมาชำระต่างหากได้ การชำระหนี้เฉพาะค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาของศาลโดยไม่ชำระหนี้เงินเพิ่ม จึงถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ ถูกต้องแล้วครับ (เก่งจริงๆนะตัวเอง) อะไรกันเนี่ย หนี้ประธาน หนี้อุปกรณ์ วุ่นวายไปหมด แล้วจะรู้เรื่องไหมเนี่ย มันหนีไม่ออกจริงๆครับ หาคำอื่นแทนก็ไม่ได้ ค่อยๆอ่านเดี๋ยวก็เข้าใจเองแหละ คำถามต่อไปครับ (ยังไม่จบอีกเหรอ) ใกล้แล้วครับ คำถามมีอยู่ว่า เมื่อชำระหนี้ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา พร้อมดอกเบี้ยแล้ว ต่อมาหากศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายจ้างต้องรับผิดในเงินเพิ่มตามที่ศาลแรงงานได้วินิจฉัยไว้ หากเป็นเช่นนี้ นายจ้างต้องรับผิดในเงินเพิ่มเพียงใด ? มีคำตอบให้เลือกครับ 1. รับผิดนับแต่วันที่ศาลแรงงานกำหนดเรื่อยไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หรือ 2. รับผิดนับแต่วันที่ศาลแรงงานกำหนดจนถึงวันที่ได้ชำระค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาแล้วเสร็จ เรื่องนี้กฎหมายกำหนดให้นายจ้างเสียเงินเพิ่มให้ลูกจ้างร้อยละ 15 ของเงินที่ค้างจ่ายทุกระยะ 7 วัน เมื่อได้ตอบไปแล้วว่า การชำระค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ย โดยไม่ชำระเงินเพิ่มนั้น ถือเป็นการชำระหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว หนี้ในเงินค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา จึงเป็นอันระงับ เมื่อหนี้ระงับจึงไม่มีเงินค้างจ่ายตามที่กฎหมายกำหนดอีกต่อไป ดังนั้น ความรับผิดของนายจ้างในเงินเพิ่มจึงมีอยู่นับแต่วันที่ศาลแรงงานกำหนดจนถึงวันที่ได้ชำระค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาแล้วเสร็จเท่านั้น คำตอบข้อ 2. จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วครับ (แฟนใครเนี่ย เก่งจริงๆ)
-----------------------------------------
สมบัติ ลีกัล 8 มกราคม 2550