เมื่อใดที่นายจ้างเชื่อว่าลูกจ้างทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งก็มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองของนายจ้าง นายจ้างมักนึกต่อว่าลูกจ้างต้องรับผิดทางอาญาด้วยเสมอ ด้วยเห็นว่าลูกจ้างควรจะต้องติดคุกไม่ข้อหาลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกงทรัพย์ หรือข้อหาใดสักข้อหาหนึ่งเป็นแน่แท้ โดยสามัญสำนักแล้วก็อดคิดเช่นนั้นไม่ได้เหมือนกัน
แล้วในความเป็นจริง การทุจริตต่อหน้าที่ เป็นความผิดอาญาเสมอไปหรือไม่ ?
ทุจริตต่อหน้าที่เป็นภาษากฎหมาย โดยความหมายแล้วก็กับคำว่า โดยทุจริต ซึ่งอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา คือ การแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้แก่ตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ หรือภาษาชาวบ้านก็คือ โกง นั้นเอง ลูกจ้างมีหน้าที่ทำงานหาประโยชน์ให้แก่นายจ้างตามสัญญา การที่ลูกจ้างอาศัยความเป็นลูกจ้างหาประโยชน์ให้ตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ย่อมเป็นการผิดสัญญาจ้างแรงงาน ผลของการผิดสัญญาเช่นนี้ กฎหมายกำหนดให้นายจ้างบอกเลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย โดยกฎหมายก็ถือว่าการกระทำของลูกจ้างร้ายแรงเกินกว่าจะให้อยู่ร่วมงานกันต่อไปได้อีกและนายจ้างยังมีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญาจ้างได้อีกต่างหาก
ส่วนการทุจริตของลูกจ้างนั้นจะเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงแต่ละกรณีไป โดยพิจารณาจากการกระทำของลูกจ้างว่า ครบองค์ประกอบความผิดทางอาญาในข้อหาใดหรือไม่ หากครบองค์ประกอบลูกจ้างก็จะมีความผิดทางอาญาในข้อหานั้นๆ หากไม่ครบองค์ประกอบ การกระทำของลูกจ้างย่อมไม่เป็นความผิดทางอาญา
ความผิดอาญาในหมวดเกี่ยวกับทรัยพ์ เช่น ข้อหาลักทรัยพ์ข้อเท็จจริงต้องฟังได้ว่า การทุจริตของลูกจ้างต้องมีการเอาไปซึ่งทรัพย์ของนายจ้าง ข้อหายักยอกทรัพย์ข้อเท็จจริงก็ต้องฟังให้ได้ว่า การทุจริตของลูกจ้างนั้นลูกจ้างต้องครอบครองทรัพย์ของนายจ้างอยู่แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไป เป็นต้น ในการทุจริตต่อหน้าที่นั้น แม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองและไม่เป็นความผิดอาญาในข้อหาใดๆที่เกี่ยวกับทรัพย์เลยก็ตาม การกระทำของลูกจ้างก็อาจเป็นความผิดอาญาในหมวดอื่นๆก็ได้ เช่น การทุจริตของลูกจ้างอาจมีการปลอมเอกสารหรือใช้เอกสารปลอมประกอบด้วย การกระทำของลูกจ้างก็อาจเป็นความผิดอาญาในหมวดว่าด้วยเอกสารก็ได้
..........................................สมบัติ ลีกัล 6 พฤษภาคม 2550