กฎหมายห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา เว้นแต่ ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราวๆไป ในทางปฏิบัตินายจ้างจะให้ลูกจ้างลงชื่อแสดงความยินยอมทำงานล่วงเวลาเป็นคราวๆไป ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากลูกจ้างด้วยดีเสมอมา (นายจ้างฝากขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย) แต่ปัญหามันเกิด (บางครั้ง) ลูกจ้างลงชื่อยอมทำงานล่วงเวลาแล้ว แต่ต่อมาได้ขอยกเลิกเสีย (ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ) อย่างนี้ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร ?
ผลจะเป็นอย่างไรหรือ ? ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ในเมื่อกฎหมายบอกแล้วว่า การทำงานล่วงเวลาต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน ก็แจ้งยกเลิกแล้วนี่ บอกก่อนล่วงหน้าตั้งหลายชั่วโมง (บางครั้งบอกล่วงหน้าตั้งหลายวัน) ก็เท่ากับว่าไม่ยินยอมทำงานล่วงเวลาแล้ว ก็แล้วกันไปซิ จะมีอะไรหรือ ? ลูกจ้างบอกอย่างงั้น (นายจ้างนั่งเงียบเลย) พูดอะไรไม่ออก ทบทวนคำพูดของลูกจ้างเปรียบเทียบกับหลักกฎหมายเท่าที่จำได้ ก็ดูท่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ (ต้องยินยอม ต้องยินยอม)
แต่ยังติดใจ (มันคาใจ) ถ้าลูกจ้างลงชื่อยอมทำงานล่วงเวลาแล้วมากลับลำเอาง่ายๆอย่างนี้ แล้วชื่อที่ลงไว้จะมีความหมายอะไร ? (นั้นนะซิ) ชื่อนั้นสำคัญไฉน ? มาดูกันว่า การลงชื่อทำงานล่วงเวลา กับ การขอยกเลิก มีผลทางกฎหมายอย่างไรกัน ?
การลงชื่อทำงานล่วงเวลาเป็นการแสดงเจตนาตอบรับการแสดงเจตนาของของนายจ้างที่ต้องการให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา ผลของการตอบรับของลูกจ้างก่อให้เกิดสัญญา โดยลูกจ้างมีหน้าที่ต้องทำงาน (ล่วงเวลา) ให้นายจ้างในวันและเวลาที่กำหนด ส่วนนายจ้างก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าทำงาน (ล่วงเวลา) ไม่น้อยกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อสัญญาเกิดขึ้นแล้ว การจะบอกเลิกสัญญานั้น กฎหมายกำหนดให้บอกเลิกได้โดยอาศัยข้อสัญญาหรืออาศัยบทบัญญัติของกฎหมายเท่านั้น (อาศัยอย่างอื่นไม่ได้) โดยข้อสัญญาแล้ว หากลูกจ้างมิได้แจ้งสงวนสิทธิในการยกเลิกการทำงานล่วงเวลาไว้ในขณะลงชื่อยินยอมทำงานล่วงเวลาย่อมหมายความว่า สัญญาไม่มีข้อกำหนดให้ลูกจ้างบอกเลิกสัญญาได้ ลูกจ้างจึงไม่อาจอาศัยสัญญาเพื่อใช้สิทธิบอกเลิกการทำงานล่วงเวลาได้ มาดูบทบัญญัติของกฎหมายยิ่งไม่มีบัญญัติไว้ให้ลูกจ้างบอกเลิกสัญญาในกรณีนี้ได้อีกเช่นกัน หันซ้ายแลขวาลูกจ้างก็ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา (ทำท่าจะว้าเหว่เสียแล้ว) การที่ลูกจ้างบอกเลิกสัญญาไม่ยอมทำงานล่วงเวลาจึงเป็นการผิดสัญญา ลูกจ้างต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากการไม่ทำงานล่วงเวลา (ถ้ามี) และลูกจ้างอาจได้รับการลงโทษทางวินัยได้อีกต่างหาก
นี่คือ ผลทางกฎหมายของการไม่ทำงานล่วงเวลา (ตามที่ลงชื่อไว้) ร้ายแรงพอสมควร ในทางปฏิบัติควรจะนำกฎหมายไปปรับใช้มากน้อยเพียงใดนั้น ย่อมเป็นดุลพินิจของผู้บริหาร
บางครั้งก็เสียมากกว่าได้ บางครั้งก็ได้มากกว่าเสีย (ก่อนใช้ สังเกตทิศทางลมเสียก่อนก็แล้วกัน)
................................................สมบัติ ลีกัล 9 พฤษภาคม 2550