กฎหมายเขาห้ามมิให้เลิกจ้างลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง ในขณะที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลบังคับใช้ เว้นแต่ ลูกจ้างจะกระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ (กฎหมายเขาคุ้มครองลูกจ้าง) เรื่องที่จะเล่าให้ฟังนี้ ลูกจ้างก็มิได้กระทำความผิดอะไรรุนแรง (ในสายตาชาวบ้าน) อันจะเป็นเหตุให้เลิกจ้างได้ตามข้อยกเว้น แต่นายจ้างก็อยากจะเลิกจ้าง (ใจจะขาด) เฝ้ารอวันรอคืนเมื่อไหร่หนอข้อตกลงที่ทำไว้กับสหภาพจะหมดอายุเสียที จะได้เลิกจ้างให้สมใจอยาก ในที่สุดนายจ้างก็รอไม่ไหว ข้อตกลงจะหมดอายุวันที่ 28 วันที่ 25 จึงบอกเลิกจ้างเสียเลยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป (บอกแล้วสบายใจ) แต่เห็นว่าไหนๆอีกสองสามวันข้อตกลงก็จะหมดอายุแล้วก็เลยบอกให้การเลิกจ้างมีผลในวันที่ 29 เลยวันหมดอายุไปสักวัน จะได้ไม่ต้องมาอ้างว่า เลิกจ้างในขณะข้อตกลงมีผลใช้บังคับ
ลูกจ้างไม่ยอม อย่างไรเสียก็จะกล่าวหา ลูกจ้างอ้างว่า เรื่องนี้ นายจ้างจะความผิดหรือไม่ พิจารณาจากวันที่บอกเลิกจ้างเป็นสำคัญ หากบอกในขณะข้อตกลงมีผลบังคับใช้ แม้ผลการเลิกจ้างจะเกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงสิ้นอายุแล้วก็ตาม ก็ยังถือว่า เป็นการเลิกจ้างขณะข้อตกลงมีผลใช้บังคับอยู่ดี ผิดกฎหมาย (ชัวร์)
เรามาดูกันว่า การบอกเลิกจ้างครั้งนี้ถือเป็นการเลิกจ้างขณะข้อตกลงมีผลใช้บังคับจริงตามลูกจ้างอ้างหรือไม่ ?
การบอกเลิกสัญญาจ้างถือเป็นนิติกรรมฝ่ายเดียวที่มีผลตามปรารถนาของผู้บอกเลิกสัญญา ขอเพียงแต่อีกฝ่ายหนึ่งรับทราบการแสดงเจตนาเท่านั้น การที่นายจ้างบอกเลิกจ้างเมื่อวันที่ 25 จึงเป็นแสดงเจตนาใช้สิทธิโดยชอบ การแสดงเจตนาเช่นนี้มีผลให้สัญญาจ้างสิ้นสุดลง ส่วนสัญญาจ้างจะสิ้นสุดลงในวันใดนั้น ย่อมเป็นไปตามเจตนาของผู้บอกเลิกสัญญา การเลิกจ้างในขณะข้อตกลงมีผลใช้บังคับนั้น ลูกจ้างต้องพ้นสภาพจากการทำงานเสียในขณะที่ข้อตกลงยังมีผลบังคับใช้อยู่ แต่ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ลูกจ้างพ้นสภาพจากการทำงานในวันที่ 29 ระหว่างวันที่ 25 ถึง 28 อายุงานของลูกจ้างยังคงเดินต่อไปตามปกติ ลูกจ้างยังทำงานให้นายจ้าง นายจ้างยังจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้าง สัญญาจ้างแรงงานจึงยังไม่ยุติ วันที่ 25 จึงเป็นเพียงวันบอกเลิกจ้างเท่านั้น มิใช่วันเลิกจ้างตามความหมายของกฎหมาย ดังนั้น การบอกเลิกจ้างในวันที่ 25 ให้มีผลเป็นการเลิกจ้างในวันที่ 29 จึงมิใช่การเลิกจ้างในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับ
.............................................. สมบัติ ลีกัล 7 มิถุนายน 2550