บริษัทแห่งหนึ่งมีหนังสือแจ้งให้ผู้สมัครงานทราบหลังจากสัมภาษณ์แล้วถูกใจว่า บริษัทยินดีรับท่านเข้าทำงาน ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย เงินเดือน 70,000 บาท เริ่มงานวันที่ 1 กรกฎาคม 2550 พอผู้สมัครงานได้รับหนังสือแล้วดีใจเป็นยิ่งนัก (อยู่ที่เก่าเงินเดือน 27,000 เอง) รีบลาออกจากที่ทำงานเก่าล่วงหน้าทันที (นายจ้างได้รับหนังสือลาออกแล้วดีใจ เพราะทำงานเหมือนเงินเดือน 17,000 ) กะว่าพอออกจากที่เก่าก็เข้าทำงานที่ใหม่พอดีเลย แต่พอใกล้วันจะเริ่มงานใจคอไม่ค่อยดี ไม่รู้เป็นอย่างไร (จิ้กจกมันร้องทักบ่อย) มันเป็นลางบอกเหตุอย่างไรก็ไม่รู้ อีกสองสามวันก็ได้รับหนังสืออีกฉบับจากบริษัทคราวนี้บอกว่า บริษัทเสียใจที่ต้องขอยกเลิกการจ้างงานท่าน ด้วยบริษัทเห็นว่า ท่านยังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว (เพิ่งรู้) โดยให้การยกเลิกมีผลทันทีนับแต่ท่านได้รับหนังสือฉบับนี้ เท่านั้นแหละพาลจะเป็นลมให้ได้ ที่เก่าก็เลี้ยงส่งแล้ว ที่ใหม่ก็ไปไม่ได้ จะทำอย่างไรดี ? (จะฟ้องได้ไหมเนี่ย)
บริษัทอีกแห่งหนึ่ง เห็นว่า ผู้สมัครงานมีคุณสมบัติเหมาะสม ค่าตัวก็ไม่แพง ท่าทางก็เอางานเอาการ เลยทำสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน โดยตกลงรับเข้าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย เงินเดือน 27,000 บาท เริ่มงานวันที่ 1 กรกฎาคม 2550 ทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาต่อกัน ฝ่ายลูกจ้างก็ไปลาออกจากงานเดิม (นายจ้างก็เสียดาย ทำงานเหมือนเงินเดือน 70,000 ) พอช่วงใกล้ๆถึงวันเริ่มงาน (จิ้งจกไม่ร้องทัก) ปรากฏว่าอีกบริษัทหนึ่งมีหนังสือแจ้งมาว่า ตามที่ท่านได้สมัครงานไว้นั้น บริษัทยินดีรับท่านเข้าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย เงินเดือน 70,000 บาท เริ่มงาน 1 กรกฎาคม 2550 (นายจ้างตาถึง) เท่านั้นแหละ ลูกจ้างรีบแจ้งยกเลิกสัญญาที่ทำไว้ทันที คราวนี้นายจ้างก็จะเป็นลม (เหมือนกัน) กรณีอย่างนี้จะทำอย่างไรดี ? (อยากฟ้องเหมือนกัน)
จะตอบคำถามเรื่องนี้ก็หนีไม่พ้นกฎหมายแพ่ง (อีกแล้ว) ที่ต้องพิจารณาว่า สัญญาจ้างแรงงานเกิดขึ้นหรือยัง หากเกิดแล้ว การขอยกเลิก ถือเป็นการผิดสัญญาหรือไม่ ?
ในกรณีแรก ลูกจ้าง เห็นว่า แม้ทั้งสองฝ่ายจะมิได้เซ็นสัญญาต่อกัน จึงไม่มีสัญญาจ้างแรงงานก็ตาม แต่การจ้างแรงงานไม่จำเป็นต้องทำสัญญาเสมอไป พูดปากเปล่าก็เป็นสัญญาจ้างงานได้เหมือนกัน (ลูกจ้างรู้) แต่นี่ยังมีหนังสือยืนยันการจ้างอีก ยิ่งกว่าพูดปากเปล่าเป็นไหนๆ น่าจะถือว่าสัญญาจ้างงานได้เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน (เหตุผลใช้ได้) (จะฟ้อง) ฝ่ายนายจ้าง เห็นว่า มีหนังสือยืนยันการจ้างก็จริงอยู่ แต่วันเริ่มงานยังมาไม่ถึง สัญญาจ้างแรงงานก็ยังไม่เกิดซิ (เหตุผลก็ใช้ได้) (ไม่อยากให้ฟ้อง)
ในกรณีที่สอง นายจ้าง เห็นว่า สัญญาเซ็นแล้ว แม้ยังไม่ถึงวันเริ่มงาน สัญญาก็เกิดแล้ว (ฟ้องแน่) ฝ่ายลูกจ้าง เห็นว่า ยังไม่ถึงวันเริ่มงาน สัญญายังไม่เกิด (จะฟ้องนะ ไปคิดเสียใหม่)
ในกรณีแรก แม้ไม่มีสัญญาจ้างแรงงาน แต่หนังสือยืนยันการจ้างของนายจ้างโดยหลักกฎหมายถือเป็นคำเสนอ เมื่อลูกจ้างตอบรับ คำเสนอ-สนองตรงกันสัญญาก็เกิด สัญญาที่ว่า ก็คือ สัญญาจ้างแรงงานนั้นเอง ในกรณีที่สองยิ่งไม่มีปัญหา เพราะมีสัญญาจ้างงานต่อกัน จึงถือว่า สัญญาจ้างงานได้เกิดขึ้นแล้ว ส่วนปัญหาที่ว่า ยังไม่ถึงวันเริ่มงานจะถือว่า สัญญาจ้างแรงงานจะมีผลใช้บังคับหรือยัง สัญญาอย่างนี้กฎหมาย (แพ่ง) เขาเรียกว่า สัญญาที่มีเงื่อนเวลา สัญญาที่มีเงื่อนเวลานั้น กฎหมาย ถือว่า สัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว เพียงแต่จะบังคับให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามสัญญาก่อนเงื่อนเวลาที่บังคับไว้ไม่ได้เท่านั้น กล่าวคือ นายจ้างจะบังคับให้ลูกจ้างมาทำงานก่อนวันที่กำหนดไม่ได้ หรือลูกจ้างจะบังคับให้นายจ้างรับเข้าทำงานก่อนวันที่กำหนดก็ไม่ได้เช่นกัน เมื่อทั้งสองกรณี ถือว่า สัญญาจ้างแรงงานได้เกิดขึ้นแล้ว การที่อีกฝ่ายได้ยกเลิกสัญญา แม้จะก่อนวันเริ่มงานก็ตาม ย่อมเป็นการผิดสัญญา เมื่อผิดสัญญาย่อมต้องรับผิดตามสัญญา (สัญญาต้องเป็นสัญญา) ทั้งสองกรณี ฝ่ายที่จะเป็นลมเพราะอีกฝ่ายบอกเลิกสัญญา จึงชอบที่จะฟ้องคดีต่อศาลเรียกให้ฝ่ายที่ผิดสัญญารับผิดชดใช้ค่าเสียหายได้ (เฮ้ ดีใจจัง ฟ้องได้แล้ว)
แล้วจะฟ้องศาลไหน ศาลแรงงานได้ไหม ? เอามีปัญหาอีกแล้ว กระดาษหมด คราวหน้าค่อยว่ากันนะ
...........................................................สมบัติ ลีกัล 7 มิถุนายน 2550