ถ้านายจ้างเลิกจ้างแล้วจ่ายค่าชดเชยให้ แต่ ลูกจ้างปฏิเสธไม่ยอมรับไม่ถือว่า นายจ้างผิดนัดนายจ้างไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ย เรื่องนี้ เขียนให้อ่านนานแล้ว (ยังจำได้ไหม) ?
เรื่องที่จะเขียนวันนี้ก็คล้ายๆกัน คือ นายจ้างบอกเลิกจ้างแล้วก็เรียกให้ลูกจ้างมารับค่าชดเชย จะต่างกันก็ตรงที่คราวนี้ให้ลูกจ้างลงชื่อในเอกสารว่า ได้รับเงินค่าชดเชยครบถ้วนแล้ว และไม่ติดใจเรียกร้องเงินอื่นใดอีกทั้งสิ้น พอลูกจ้างเห็นเข้าก็ผงะ ไม่กล้าลงชื่อ (กลัวหมดสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหาย) เลยตัดใจไม่รับค่าชดเชย (เสียดายก็เสียดาย) สุดท้ายก็ต้องมาฟ้องนายจ้างว่า เลิกจ้างไม่เป็นธรรม เรียกค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหาย
นายจ้างจำได้ว่า เคยอ่านผ่านตามาจากที่ไหนสักแห่ง (จำไม่ได้แล้ว) ที่บอกว่า ถ้านายจ้างเสนอจ่ายค่าชดเชยให้แล้ว (ไม่ถือว่า นายจ้างผิดนัด) ลูกจ้างปฏิเสธไม่ยอมรับก็ช่วยไม่ได้ อดไปเลย ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ (สมน้ำหน้า) นายจ้างก็เลยนำมาเป็นข้อต่อสู้คดีไม่ยอมจ่ายดอกเบี้ยให้ลูกจ้าง ถ้าเป็นอย่างนี้ จะยังตอบว่า ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยอยู่อีกหรือไม่ ? (ท่านผู้อ่านทั้งหลาย)
การที่จะพิจารณาว่า นายจ้างต้องรับผิดในดอกเบี้ยหรือไม่นั้น ต้องดูเสียก่อนว่า การเสนอขอจ่ายค่าชดเชยของนายจ้าง โดยมีเงื่อนไขที่ว่า ไม่ติดใจเรียกร้องเงินอื่นใดอีกทั้งสิ้นนั้น ถือเป็นการขอชำระหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?
หากชอบ ก็ถือว่านายจ้างไม่ผิดนัด (ลูกจ้างต่างหากที่ผิดนัด) นายจ้างก็ไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ย หากไม่ชอบ ก็ถือว่า นายจ้างผิดนัด นายจ้างก็ต้องรับผิดในดอกเบี้ย เรื่องก็มีเท่านี้แหละ (สาธุชน ทั้งหลาย)
เรื่องนี้ คำตอบอยู่ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วย หนี้ (อย่าไปหาในกฎหมายแรงงานนะ หาไม่เจอหรอก) กฎหมายเขาบอกว่า ถ้าลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ และเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้นั้น โดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ไซร์ ท่านว่าเจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด (เดี๋ยวอย่าทำเป็นงง) ลูกหนี้ก็คือ นายจ้าง เจ้าหนี้ก็คือ ลูกจ้าง การชำระหนี้ก็คือ ค่าชดเชย การที่นายจ้างขอจ่ายค่าชดเชย ย่อมเท่ากับว่า นายจ้างขอปฏิบัติการชำระหนี้แล้ว แต่การขอปฏิบัติการชำระหนี้ของนายจ้างมีเงื่อนไขที่ปวดร้าวหัวใจ (ลูกจ้าง) ซึ่งกฎหมาย (อีกนั่นแหละ) เขาบอกไว้อีกว่า การชำระหนี้จะให้สำเร็จผลเป็นอย่างใด ลูกหนี้จะต้องขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้อย่างนั้นโดยตรง การที่นายจ้างต้องการให้หนี้ค่าชดเชยระงับหรือสำเร็จผล นายจ้างก็ต้องเสนอชำระค่าชดเชยอย่างตรงไปตรงมา การที่นายจ้างเสนอชำระค่าชดเชย โดยมีเงื่อนไขย่อมไม่อาจทำให้หนี้ระงับหรือสำเร็จผลได้ การขอชำระหนี้ของนายจ้างจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ลูกจ้างจึงมีสิทธิปฏิเสธได้โดยชอบ ลูกจ้างจึงไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด (นายจ้างต่างหากที่ตกเป็นผู้ผิดนัด) เมื่อการขอชำระหนี้ไม่ชอบก็ต้องถือว่า นายจ้างผิดนัดอยู่วันยังค่ำ นายจ้างจึงต้องรับผิดในดอกเบี้ยของเงินค่าชดเชยนับแต่วันเลิกจ้างซึ่งถือเป็นวันผิดนัด เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ (ร้อยละ 15 ต่อปี) นะจะบอกให้
คำตอบเรื่องนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว แม้นายจ้างจะเสนอจ่ายค่าชดเชย แล้วลูกจ้างปฏิเสธก็ตาม แต่คำตอบก็คือ นายจ้างยังต้องรับผิดในดอกเบี้ยตามกฎหมาย
สมบัติ ลีกัล 10 กรกฎาคม 2550