กฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างในวันลาป่วยตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ปีหนึ่งไม่เกิน 30 วันทำงาน จึงเป็นที่เข้าใจของฝ่ายบุคคลมาโดยตลอดว่า เมื่อใดที่ลูกจ้างไม่มาทำงานแล้ววันรุ่งขึ้นมายื่นใบลาป่วย เป็นอันใช้ได้ วันนั้นต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างไปจะได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย
ความเข้าใจอย่างนี้ก็ไม่ผิดดอก เพียงแต่ยังถูกไม่หมด ลองทบทวนกันสักหน่อยว่า ระเบียบว่าด้วยการลาป่วยของท่านกำหนดวิธีการลาไว้อย่างไร ?
หากระเบียบของท่านกำหนดไว้เพียงว่า วันใดที่ลูกจ้างไม่มาทำงานโดยมีสาเหตุจากการป่วย ให้ยื่นใบลาป่วยในวันที่กลับเข้าทำงาน การที่ลูกจ้างยื่นใบลาป่วยหลังจากกลับเข้าทำงาน ก็ถือว่าชอบด้วยระเบียบแล้ว จ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างในวันนั้นก็ไม่มีข้อกังขาแต่อย่างใด
แต่หากระเบียบของท่านกำหนดให้ลูกจ้างต้องแจ้งให้ทราบถึงเหตุป่วยในวันที่ไม่มาทำงานด้วยวิธีโทรศัพท์ถึงฝ่ายบุคคลหรือหัวหน้างานด้วย เพื่อที่นายจ้างจะได้จัดหาคนอื่นเข้าทำงานแทนจะได้ไม่เสียหายกับการงาน หากระเบียบว่าไว้เช่นนี้แล้ว การที่ลูกจ้างไม่โทรศัพท์แจ้งถึงเหตุป่วยในวันที่ไม่มาทำงาน คงยื่นเพียงใบลาป่วยในวันที่กลับเข้าทำงานเท่านั้น
อย่างนี้ ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันลาป่วยอีกหรือไม่ ?
การที่ลูกจ้างป่วยนั้น กฎหมายกำหนดเป็นเหตุเพียงให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่านั้น นายจ้างจึงไม่อาจห้ามการใช้สิทธิเช่นว่านี้ได้ ไม่ว่าลูกจ้างจะใช้สิทธิบ่อยครั้งหรือแต่ละครั้งจะใช้สิทธินานเพียงใดก็ตาม
แต่การป่วย กับ การมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันที่ป่วยนั้น เป็นคนละกรณีกัน ลูกจ้างจะมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันที่ป่วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า ลูกจ้างได้ใช้สิทธิลาป่วยหรือไม่เท่านั้น การใช้สิทธิลาป่วยจะเป็นประการใด ย่อมขึ้นอยู่กับระเบียบว่า กำหนดไว้อย่างไร ? หากลูกจ้างปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการลาป่วยครบถ้วนแล้ว ลูกจ้างย่อมมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันลาป่วย เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หากลูกจ้างปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการลาป่วยไม่ครบถ้วน โดยไม่แจ้งให้นายจ้างทราบทางโทรศัพท์เสียแต่วันที่หยุดงานไป แม้ลูกจ้างจะป่วยจริงก็ตาม กรณีนี้ ถือว่า ลูกจ้างฝ่าฝืนระเบียบว่าด้วยการลาป่วย นอกจากจะเป็นความผิดทางวินัย ลูกจ้างอาจถูกลงโทษทางวินัยได้แล้ว การลาป่วยที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามระเบียบ ย่อมไม่อาจถือได้ว่า เป็นการใช้สิทธิลาป่วยที่ชอบ นายจ้างย่อมไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างในวันลาป่วยที่ไม่ชอบเช่นว่านี้
.....................................................สมบัติ ลีกัล 7 สิงหาคม 2550