เมื่อเร็วๆนี้ได้พูดคุยกับบุคคลในแวดวงแรงงาน เกี่ยวกับเรื่อง การบังคับใช้ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน มีคำว่า No Work No Pay ปนอยู่ในการสนทนาหลายครั้ง จนเป็นที่เข้าใจกันว่า ผู้ที่ทำงานอยู่ฝ่ายบุคคลต้องรู้จักคำว่า No Work No Pay เป็นอย่างดี เนื่องจากพูดกันบ่อย พูดจนกลายเป็นศัพท์เฉพาะไปเสียแล้ว เมื่อถามถึงความหมาย ก็รู้ความหมายว่า ไม่ทำงาน ก็ไม่จ่ายค่าจ้าง (ไงละ) แต่พอถามว่า แล้ว No Work No Pay มีที่มาจากแห่งหนตำบลใด อยู่ในวงศ์สกุลใด เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ? คราวนี้ก็เลยได้คิด (เออ จริงซิ) ใช้เพลินไปหน่อย เลยลืมถามที่มาที่ไป
คำว่า NO Work No Pay แม้จริงแล้ว มีที่มาจากกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วย สัญญา โดยกฎหมายกำหนดว่า ในสัญญาต่างตอบแทนนั้น คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ก็ได้
สัญญาจ้างแรงงานนั้น มีองค์ประกอบสำคัญอยู่ที่ ลูกจ้างมีหน้าที่ต้องทำงานให้นายจ้าง และ นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้าง ต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ต่อกันเช่นนี้ จึงถือเป็นสัญญาต่างตอบแทน ในสัญญาจ้างแรงงานซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทนนั้น ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต่างก็มีสิทธิไม่ชำระหนี้ให้อีกฝ่ายหนึ่ง จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้ตอบแทนได้
การที่ลูกจ้างต้องทำงานให้นายจ้าง หรือ นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างนั้น สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัตินั้น กฎหมายเขาเรียกว่า หนี้ ต่างฝ่ายต่างมีหนี้ที่ต้องชำระให้แก่กันและกัน ดังนั้น หากลูกจ้างไม่มาทำงานให้นายจ้าง นายจ้างย่อมมีสิทธิไม่ชำระหนี้ได้ ในที่นี้ก็คือ ไม่จ่ายค่าจ้างในวันที่ลูกจ้างไม่มาทำงานนั้นเอง ในทางกลับกัน หากลูกจ้างทำงานให้นายจ้างแล้ว แต่นายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างให้ ลูกจ้างก็มีสิทธิไม่ชำระหนี้ตอบแทนได้เช่นกัน ในที่นี้ก็คือ ไม่ทำงาน (อีกต่อไป) นั้นเอง นี้แหละจึงเป็นที่มาของคำว่า No Work No Pay (ที่เราคุ้นเคย)
การรู้ที่มาที่ไป รู้ความหมายของคำ ย่อมส่งผลให้เกิดการใช้งานอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และตรงต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย
......................................สมบัติ ลีกัล 7 สิงหาคม 2550