การปรับขึ้นค่าจ้างประจำปีเป็นอำนาจบริหารของนายจ้าง (ใครอย่าแตะ) แต่ลูกจ้างไม่ได้คิดอย่างนายจ้าง (ข้าฯจะแตะ) จึงมีบ่อยครั้งที่นายจ้าง (จำใจ) ต้องทำข้อตกลงกับลูกจ้างเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าจ้างประจำปีว่า จำนวนเงินที่ปรับขึ้นจะพิจารณาร่วมกันตกลงกันได้เมื่อใดจะปรับย้อนหลังให้ (จะกี่เดือนก็ช่างเถอะ)
กรณีอย่างนี้ หากข้อตกลงระบุเรื่องดอกเบี้ยไว้ด้วยว่า การปรับค่าจ้างย้อนหลังนั้น นายจ้างต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วยปัญหาก็ไม่เกิด นายจ้างก็ต้องปฏิบัติไปตามสัญญา (สัญญาต้องเป็นสัญญา)
ปัญหามาเกิดเมื่อข้อตกลงมิได้กล่าวถึงเรื่องดอกเบี้ยไว้ (ลืม) เมื่อต้องปรับค่าจ้างย้อนหลังจึงมีคำถาม (จากลูกจ้าง) ว่า กรณีอย่างนี้ (นายจ้าง) ต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วยหรือไม่ ?
นั้นนะซิ ต้องจ่ายหรือไม่ การต้องปรับค่าจ้างย้อนหลังก็น่าจะฟ้องอยู่ในตัวแล้วว่า นายจ้างเป็นฝ่ายผิด (สามัญสำนักมันบอก) ถ้าไม่ผิดจะต้องปรับย้อนหลังหรือ ?
ดอกเบี้ยนั้นคู่กับการผิดนัด ค่าจ้างนั้นจ่ายทุกวันที่ 25 ของเดือน เมื่อถึงวันที่ 25 แล้วไม่ปรับให้ก็ต้องผิดนัดซิ เมื่อผิดนัดก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยมันถึงจะถูกต้อง (ถูกใจด้วย)
ก็จริงอย่างที่เขาว่า (ใครวะ) ดอกเบี้ยนั้นคู่กับการผิดนัด ถ้าไม่ผิดนัดย่อมไม่เกิดดอกเบี้ย แต่การผิดนัดน่าจะมีคู่เหมือนกันนะ (จะมาไม้ไหน) ก็คู่กับมูลหนี้ไงละ (ทำหัวหมอ)
กฎหมายเขาบอกว่า ด้วยอำนาจแห่งมูลหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ปัญหาอยู่ที่ว่าการเจรจายังตกลงกันไม่ได้จะถือว่ามูลหนี้ได้เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ (นั่นนะซิ)
ค่าจ้างที่ต้องปรับเพิ่มขึ้นยังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง ยังไม่อาจกำหนดจำนวนที่แน่นอนได้ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง (คงจะหลายเดือนเหมือนกัน) เนื่องจาก ลูกจ้างยังใจแข็งอยู่ไม่ยอมลดราคาให้นายจ้าง กรณีอย่างนี้ น่าจะถือว่า มูลหนี้ยังไม่เกิดหรือยังไม่สมบูรณ์เจ้าหนี้ย่อมไม่มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ เมื่อเรียกให้ชำระหนี้ไม่ได้ แม้จะมีวันชำระหนี้กำหนดไว้ทุกวันที่ 25 ของเดือน ก็ไม่มีความหมายอะไร (ปล่อยให้มันผ่านไป) ระหว่างที่ยังตกลงกันไม่ได้จึงไม่อาจถือว่าลูกหนี้ผิดนัด เมื่อไม่ผิดนัดปัญหาดอกเบี้ยย่อมไมเกิด การปรับค่าจ้างย้อนหลังจึงไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย (สรุปจบเฉยเลย)
.............................................. สมบัติ ลีกัล 8 พฤษภาคม 2551