นายจ้างเก่าได้โอนลูกจ้างทั้งหมดให้กับนายจ้างใหม่โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ปรากฏว่า ลูกจ้างที่โอนมายังนายจ้างใหม่เป็นกรรมการลูกจ้างด้วย จึงมีคำถามว่า ความเป็นกรรมการลูกจ้างนั้นได้โอนมายังนายจ้างใหม่ด้วยหรือไม่ ?
หากความเป็นกรรมการลูกจ้างต้องโอนมายังนายจ้างใหม่ด้วย ย่อมหมายความว่า ต่อไปนายจ้างใหม่จะลงโทษทางวินัยหรือเลิกจ้าง ก็ต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานเสียก่อน ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือ ?
หากในสถานประกอบการของนายจ้างใหม่ไม่เคยมีกรรมการลูกจ้างมาก่อน สหภาพแรงงานก็ไม่มี ลูกจ้างก็ไม่เคยคิดจะเลือกตั้งคณะกรรมการลูกจ้าง พอรับโอนลูกจ้างคนอื่นมา อยู่ๆก็จะมีกรรมการลูกจ้างเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ อย่างนี้จะถูกต้องหรือ ?
หากในสถานประกอบการของนายจ้างใหม่มีคณะกรรมการลูกจ้างอยู่ครบจำนวนตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว และการที่นายจ้างใหม่รับโอนลูกจ้างทั้งหมดมาเมื่อรวมกับลูกจ้างที่มีอยู่เดิมก็มีจำนวนไม่มากพอที่จะทำให้มีกรรมการลูกจ้างเพิ่มขึ้นได้ตามที่กฎหมายกำหนด หากเป็นเช่นนี้กรรมการลูกจ้างทั้งชุดเก่าและใหม่รวมกันจะมีจำนวนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อย่างนี้จะถูกต้องหรือ ?
ยังมีคำถามอีกมากมาย หากยอมรับกันว่า ความเป็นกรรมการลูกจ้างต้องติดตัวลูกจ้างและโอนมายังนายจ้างใหม่ด้วย ความจริงแล้ว เรื่องนี้มีหลักการพิจารณาอย่างไร ?
การเปลี่ยนตัวนายจ้างนั้น กฎหมายกำหนดให้สิทธิต่างๆที่ลูกจ้างมีต่อนายจ้างเดิมเช่นใดให้ลูกจ้างมีสิทธิเช่นว่านั้นต่อไปและให้นายจ้างใหม่รับไปทั้งสิทธิและหน้าที่อันเกี่ยวกับลูกจ้างนั้นทุกประการ แล้วความเป็นกรรมการลูกจ้างเป็นสิทธิของลูกจ้างอย่างนั้นหรือ ?
การเปลี่ยนตัวนายจ้างเป็นเรื่องของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ส่วนกรรมการลูกจ้างเป็นเรื่องของกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายทั้งสองฉบับมีเจตนารมณ์ต่างกัน สิทธิของลูกจ้างที่จะโอนไปยังนายจ้างใหม่นั้นมุ่งเน้นที่สิทธิตามสัญญา หน้าที่ของนายจ้างใหม่ที่ต้องปฏิบัติต่อลูกจ้างที่รับโอนมานั้นก็มุ่งเน้นที่หน้าที่ตามสัญญาเป็นหลัก ส่วนความเป็นกรรมการลูกจ้างนั้นมิใช่สิทธิตามสัญญา หากแต่เป็นหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่ติดตัวลูกจ้างมา นายจ้างใหม่จึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดประชุมร่วมกับลูกจ้างที่รับโอนมาและเคยเป็นกรรมการลูกจ้างในสถานประกอบการของนายจ้างเก่าทุกสามเดือน การลงโทษทางวินัยก็ไม่ต้องขออนุญาตจากศาลแรงงาน แล้วท่านผู้อ่านเห็นว่าอย่างไร ?
. สมบัติ ลีกัล 7 กรกฎาคม 2551