ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยยอมจ่ายค่าชดเชยนั้น ในการต่อสู้คดีในศาลในข้อหาเลิกจ้างไม่เป็นธรรมรวมทั้งการต่อสู้คดีที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ในข้อหาการกระทำอันไม่เป็นธรรมนั้นไม่มีกฎหมายห้ามมิให้นายจ้างยกเหตุอื่นที่ไม่ปรากฏในหนังสือเลิกจ้างขึ้นมาต่อสู้ ในทางปฏิบัติศาลเองก็พอจะฟังเหตุเลิกจ้างที่ไม่ปรากฏในหนังสือเลิกจ้างบ้างเหมือนกัน แต่กับคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มักไม่ฟังเหตุที่ไม่ปรากฏในหนังสือเลิกจ้างด้วยเห็นว่า มิใช่เหตุเลิกจ้างที่แท้จริง
ในข้อหาเลิกจ้างในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลบังคับใช้โดยลูกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องและมิได้กระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น ถือเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ซึ่งหากลูกจ้างมิได้กระทำผิดตามข้อยกเว้นจริง ทางเดียวที่นายจ้างจะรอด คือ นายจ้างต้องขาดทุนจนถึงขนาดที่ต้องเลิกจ้างลูกจ้างบางส่วนเพื่อรักษาลูกจ้างส่วนใหญ่ให้คงมีงานทำต่อไป ดังนั้น เหตุเลิกจ้างเนื่องจากขาดทุนจึงเป็นสาระสำคัญที่ต้องระบุในหนังสือเลิกจ้างสำหรับการต่อสู้ในข้อหานี้
การไม่ระบุเหตุขาดทุนไว้ในหนังสือเลิกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นเพราะลืมหรือเพราะเหตุใดก็ตาม แม้กฎหมายจะไม่ห้ามในการยกเหตุนี้ขึ้นต่อสู้คดีทั้งในชั้นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และศาลก็ตาม แต่การไม่ระบุย่อมทำให้การต่อสู้คดีของนายจ้างอยู่ในอาการโคม่า เพราะในเบื้องต้น ลูกจ้างจะเริ่มต้นที่เวทีคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ก่อน สำหรับเวทีนี้ แม้นายจ้างจะมีสิทธิยกเหตุขาดทุนขึ้นต่อสู้ได้ก็ตาม แต่โอกาสที่นายจ้างจะชนะแทบจะไม่มี หากแพ้คดีที่เวทีนี้ นายจ้างต้องเป็นฝ่ายเริ่มที่เวทีใหม่ ด้วยการฟ้องเพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ต่อศาล ซึ่งนายจ้างยังมีโอกาสยกเหตุขาดทุนซึ่งไม่ปรากฎในหนังสือเลิกจ้างมาต่อสู้คดีได้อยู่ แต่นายจ้างต้องพยายามอย่างหนักเพื่อมิใช่ศาลเชื่อเหตุเลิกจ้างตามที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยมา โดยต้องทำให้ศาลเชื่อให้ได้ว่า เหตุเลิกจ้างที่แท้จริงเป็นเพราะนายจ้างขาดทุน หากนายจ้างทำไม่ได้ และศาลเชื่อว่าเหตุเลิกจ้างเป็นไปตามที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยจริง ย่อมหมายความว่า ศาลไม่เชื่อว่า นายจ้างเลิกจ้างเพราะขาดทุน เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ข้อต่อสู้ของนายจ้างที่ว่าเลิกจ้างเพราะขาดทุนจะเป็นข้อต่อสู้ที่ได้ยกขึ้นมาว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้นแล้ว นายจ้างย่อมยกขึ้นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ก็จริงอยู่ แต่นายจ้างจะอุทธรณ์อย่างไร ในเมื่อศาลเชื่อว่า เหตุเลิกจ้างเป็นไปตามที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยซึ่งไม่มีเรื่องขาดทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง การจะอุทธรณ์ให้ศาลเชื่อว่า เหตุเลิกจ้างที่แท้จริงเป็นเพราะขาดทุนจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ เรื่องเป็นอันจบกัน
เห็นไหม เวลาสู้คดีมันลำบาก ต่อไปอย่าชะล่าใจ แม้จะจ่ายค่าชดเชยก็ต้องเขียนหนังสือเลิกจ้างให้ครบถ้วนสมบูรณ์ อย่าลืม อย่าลืม
.......................... สมบัติ ลีกัล 31 กรกฎาคม 2552