ในคดีแพ่งนั้น หากโจทก์ประสงค์จะแก้ฟ้องต้องกระทำก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน ในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน หากโจทก์ปฏิบัติตามกติกานี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิแก้ฟ้องได้โดยชอบ
ในการชี้สองสถานนั้น ศาลจะดูคำฟ้องและคำให้การจำเลยเปรียบเทียบกัน
แล้วหาข้อที่ทั้งสองฝ่ายเถียงกันให้พบ แล้วจึงนำมากำหนดเป็นประเด็นพิพาทและกำหนดหน้าที่นำสืบให้แต่ละฝ่ายว่า ฝ่ายใดมีหน้าที่นำสืบประเด็นใดก่อน ฝ่ายใดมีหน้าที่นำสืบแก้ภายหลัง แล้วจึงค่อยนัดสืบพยานต่อไป
ซึ่งการชี้สองสถานนี้ในคดีแพ่งศาลจะชี้หรือไม่ก็ได้เป็นดุลพินิจของศาล ในทางปฏิบัติ หากคดีไม่ซับซ้อนจนเกินไป ศาลมักไม่ชี้ การไม่ชี้ปัญหาก็น้อยกว่าการชี้ แถมยังสบายกว่ากันเยอะเลย
ในคดีแรงงานก็มีการนำคำฟ้องและคำให้การมาเปรียบเทียบกันแล้วกำหนดประเด็นพิพาทและหน้าที่นำสืบไว้เช่นเดียวกัน กรณีอย่างนี้ หากโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องภายหลังที่ศาลกำหนดประเด็นพิพาทแล้ว แต่ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน อย่างนี้ โจทก์มีสิทธิแก้ฟ้องได้หรือไม่ ?
ในคดีที่ขึ้นศาลแรงงานแท้จริงแล้วก็คือ คดีแพ่ง นั้นเอง ในกฎหมายวิธีพิจารณาคดีแรงงานก็กำหนดให้นำกฎหมายวิธีพิจารณาคดีแพ่งมาใช้ด้วยโดยอนุโลม
ในคดีแรงงานก็มีการกำหนดประเด็นพิพาทและหน้าที่นำสืบเช่นกัน มีปัญหาว่า การกำหนดประเด็นพิพาทและหน้าที่นำสืบเช่นนี้ถือเป็นการชี้สองสถานหรือไม่ ?
แท้จริงแล้ว ในการกำหนดประเด็นพิพาทและหน้าที่นำสืบในคดีแรงงาน มิใช่การชี้สองสถาน แม้หน้าตาจะเหมือนกันราวกับแกะก็ตาม เหตุเพราะ การกำหนดประเด็นพิพาทในคดีแรงงานนั้นเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายวิธีพิจารณาคดีแรงงานกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ หลังจากที่ไกล่เกลี่ยแล้วคดีไม่อาจตกลงกันได้ กรณีอย่างนี้ จึงไม่จำเป็นต้องนำกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการชี้สองสถานมาบังคับใช้ในคดีแรงงาน
ดังนั้น ในคดีแรงงาน จึงไม่มีวันชี้สองสถาน การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องหลังจากวันที่ศาลกำหนดประเด็นพิพาทแล้ว แต่ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน โจทก์จึงมีสิทธิแก้ฟ้องได้โดยชอบ
...................................... สมบัติ ลีกัล 29 สค 52