การลงโทษทางวินัยลูกจ้างแท้จริงแล้วไม่มีอายุความ ความผิดแม้จะเกิดนานสักหน่อยก็หยิบยกมาลงโทษได้ แต่ก็ใช่ว่า นายจ้างจะนำเหตุที่ลูกจ้างกระทำความผิดไว้แต่โบร่ำโบราณมาลงโทษได้ทุกกรณีเสมอไปไม่ เนื่องจาก มีประเด็นไม่ติดใจลงโทษมาขัดจังหวะ ดังนั้น คดีใดที่ศาลฟังว่า นายจ้างไม่ติดใจลงโทษเสียแล้วก็เป็นอันจบกัน ลงโทษไม่ได้ โดยไม่ต้องดูเรื่องอายุความ
การไม่ติดใจลงโทษ หน้าตาเป็นอย่างไร ?
การไม่ติดใจลงโทษแท้จริงแล้วเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่มีสูตรสำเร็จแน่นอน โดยศาลจะพิจารณาจากพยานหลักฐานในแต่ละคดีแล้ววินิจฉัยว่า กรณีใดถือเป็นการไม่ติดใจลงโทษ
แต่ก่อนที่ศาลจะวินิจฉัยว่า นายจ้างไม่ติดใจลงโทษนั้น ต้องปรากฏข้อเท็จจริงเสียก่อนว่า นายจ้างรู้เหตุอันเป็นความผิดทางวินัยนั้นแล้ว เมื่อรู้แล้วจึงค่อยพิจารณาต่อไปว่า มีพฤติกรรมใดที่พอจะถือได้ว่า ไม่ติดใจลงโทษหรือไม่ ?
มีคดีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ลูกจ้างปล่อยปละละเลยไม่เรียกเก็บหนี้ตามหน้าที่และทำใบแจ้งหนี้สูญหายจำนวนมาก นายจ้างจึงย้ายลูกจ้างออกจากตำแหน่งเดิม การย้ายเช่นนี้ถือว่า นายจ้างรู้แล้ว เมื่อลูกจ้างถูกย้ายออกมาจากตำแหน่งเดิมนานถึง 3 ปี ย่อมถือได้ว่า นายจ้างไม่ติดใจลงโทษลูกจ้างอันเกี่ยวกับความผิดนั้นแล้ว
มีคดีอีกเรื่องหนึ่ง เกิดเมื่อปี 49 ลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ออกไปชุมนุมหน้าโรงงานนายจ้าง เนื่องจากมีข้อพิพาทแรงงาน ลูกจ้างขอกลับเข้าทำงาน นายจ้างจัดให้ลูกจ้างรออยู่ที่โรงอาหาร แล้วพูดต่อลูกจ้างว่า ขอให้ลูกจ้างร่วมมือกันทำงานและลืมเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อพิพาทแรงงาน ขอให้เลิกแล้วต่อกัน จะไม่นำเรื่องใดจากเหตุการณ์นี้มาเป็นข้อบาดหมางต่อกัน ว่าแล้วก็หักค่าจ้างลูกจ้างที่ชุมนุมกันคนละ 1 ชั่วโมง การหักค่าจ้างมีลักษณะเดียวกับการหักค่าจ้างเนื่องจากการมาทำงานสาย พฤติกรรมอย่างนี้ศาลฎีกาถือว่า นายจ้างไม่ติดใจลงโทษทางวินัยอย่างอื่นแก่ลูกจ้างแล้ว เรื่องเป็นอันเลิกกัน
ไม่ติดใจลงโทษ นับแต่นี้ไปจึงมองข้ามไม่ได้เสียแล้ว
....................................สมบัติ ลีกัล 30 กันยายน 2552