โดยหลักกฎหมาย อะไรที่เป็นสิทธิย่อมสละได้ เมื่อแสดงเจตนาสละเสียแล้ว สิทธินั้นย่อมสิ้นไป ไม่อาจเรียกร้องหรือบังคับตามสิทธินั้นได้อีก แต่มีสิทธิเรียกร้องบางประเภทที่แม้สละไปแล้วสิทธินั้นก็ไม่สิ้นไป อาจเรียกร้องหรือบังคับตามสิทธินั้นได้อีก เช่น สิทธิเรียกร้องในเงินค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แม้ลูกจ้างจะได้ทำหนังสือสละสิทธิดังกล่าวให้กับนายจ้างไปแล้วก็ตาม สิทธิก็ไม่สิ้นไป เนื่องจาก สิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ห้ามมิให้ผู้ใดฝ่าฝืน ดังนั้น ข้อตกลงในการสละสิทธิที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับใช้
แล้วการสละสิทธิในค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม สละได้หรือไม่ หากสละเป็นโมฆะหรือไม่ ?
ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมนั้น อยู่ในกฎหมายก็จริงอยู่ แต่มิใช่กฎหมายเกี่ยวกับความสงบเหมือนเช่น ค่าชดเชย เงินค่าเสียหายนั้นอยู่ในกฎหมายจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน มาตรา 49 โดยกฎหมายกำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือจ่ายค่าเสียหายให้ลูกจ้างได้ หากศาลเห็นว่า การเลิกจ้างนั้นเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แท้จริงแล้ว กฎหมายให้อำนาจศาลในการทบทวนการใช้ดุลพินิจในทางบริหารของนายจ้างในเรื่องการเลิกจ้างไว้โดยเฉพาะ ค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้ลูกจ้างอันเนื่องมาจากการเลิกจ้างที่ศาลเห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงเป็นดุลพินิจศาลโดยเฉพาะเช่นกัน ลูกจ้างจึงอาจสละสิทธิที่จะให้ศาลใช้ดุลพินิจในประเด็นค่าเสียหายได้ การสละสิทธิจึงมีผลโดยสมบูรณ์ไม่เป็นโมฆะ ลูกจ้างจึงไม่อาจฟ้องคดีขอให้ศาลใช้ดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมได้อีก
..................................... สมบัติ ลีกัล 30 พฤศจิกายน 2552