นายจ้างมักกำหนดในระเบียบให้ลูกจ้างต้องพ้นสภาพการเป็นพนักงานเมื่อมีอายุครบตามที่กำหนด โดยทั่วไปขั้นต่ำก็อยู่ที่ 50 ปี ขั้นสูงอยู่ที่ 60 ปี การพ้นสภาพด้วยเหตุอายุมากแล้วเช่นนี้ถือเป็นการเลิกจ้างเช่นกัน แม้จะเรียกกันโดยคุ้นเคยว่า เกษียณอายุ ก็ตาม
การเลิกจ้างเนื่องจากลูกจ้างเกษียณอายุนั้นลูกจ้างย่อมมีสิทธิได้รับค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แต่ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ การเลิกจ้างด้วยเหตุเกษียณอายุนั้นเป็นการเลิกจ้างเนื่องจากถึงเวลาที่ลูกจ้างจะต้องหยุดพักผ่อนตามธรรมชาติของมนุษย์ จึงถือว่าเป็นธรรมแล้ว
ปัญหามาอยู่ตรงที่ว่า เมื่อครบกำหนดเกษียณอายุแล้ว นายจ้างยังคงให้ลูกจ้างทำงานต่ออีกสามสี่ปีแล้วค่อยเลิกจ้างโดยอ้างว่า เลิกจ้างเนื่องจากเกษียณอายุ กรณีอย่างนี้จะยังถือว่า เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมอยู่อีกหรือไม่ ?
หากมองในมุมของลูกจ้าง ลูกจ้างจะบอกว่า ณ วันที่ถูกเลิกจ้างนั้นเลยวันเกษียณอายุมาตั้งหลายปีแล้ว นายจ้างไม่ติดใจเรื่องเกษียณอายุแล้ว ลูกจ้างนั่งทำงานตามปกติอยู่ๆก็ต้องออกจากงานทันที น่าจะถือว่าเลิกจ้างโดยไม่มีสาเหตุมากกว่า การเลิกจ้างโดยไม่มีสาเหตุย่อมเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
มองในมุมของนายจ้าง นายจ้างจะบอกว่า ถ้าเลิกจ้างตรงตามวันที่กำหนดไว้ในระเบียบเรื่องเกษียณอายุถือว่าเลิกจ้างโดยเป็นธรรมแล้ว การที่ลูกจ้างได้ทำงานต่อมาอีกหลายปีก็ถือว่าดีแล้วเป็นประโยชน์ต่อลูกจ้างแล้ว มิได้หมายความว่าสิทธิของนายจ้างที่จะเลิกจ้างด้วยเหตุเกษียณอายุจะสิ้นไป ลูกจ้างก็ยังคงอยู่ในวัยที่สมควรพักผ่อนเช่นเดิม การเลิกจ้างแม้จะช้ากว่าที่กำหนดไว้ในระเบียบก็ยังถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม
ความจริงเหตุผลน่าฟังทั้งคู่ ไม่รู้จะเข้าข้างฝ่ายใดดี ท่านผู้อ่านลองเลือกดูสักหน่อยว่า จะให้ใครชนะดี
ลืมบอกไป เรื่องทำนองนี้ ศาลฎีกาเคยตัดสินให้นายจ้างชนะคดี
........................................ สมบัติ ลีกัล 28 กุมภาพันธ์ 2553