ละเมิด กับ ผิดสัญญาจ้าง แท้จริงแล้วไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ถ้าเช่นนั้น ต่างกันอย่างไร ?
ละเมิด คือ การทำผิดกฎหมาย ส่วนผิดสัญญาจ้าง คือ การทำผิดข้อตกลง การทำผิดข้อตกลงอาจไม่เป็นการทำผิดกฎหมายเสมอไป ส่วนการทำผิดกฎหมายถือเป็นการทำผิดข้อตกลงด้วยเสมอไป ดังนั้น หากฟังว่า ลูกจ้างกระทำละเมิดต่อนายจ้าง ย่อมต้องฟังว่า ลูกจ้างกระทำผิดสัญญาจ้างต่อนายจ้างด้วยเสมอ
ในการบรรยายฟ้องคดีที่นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายจากลูกจ้าง ฐานละเมิด เช่น หยุดงานไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปิดกั้นประตูโรงงาน เป็นต้น บ่อยครั้ง นายจ้างมิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่า การกระทำละเมิดของลูกจ้างนั้น เป็นการผิดสัญญาจ้างประกอบด้วย จึงเกิดปัญหาว่า การบรรยายฟ้องเช่นนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?
การบรรยายฟ้องเป็นเรื่องการตั้งรูปคดีเพื่อต่อสู้กันบนศาล โจทก์จะตั้งรูปคดีอย่างไรขึ้นอยู่กับโจทก์คิดอะไรอยู่ในใจ ไม่จำเป็นที่โจทก์ต้องตั้งรูปคดีครบถ้วนตามหลักกฎหมายเสมอไป โจทก์ยกข้อเท็จจริงใด ข้อกฎหมายใดขึ้นต่อสู้ศาลก็จะพิจารณาให้ไปตามนั้น หากไม่ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใดขึ้นต่อสู้ ศาลก็ไม่วินิจฉัยให้
ในคดีละเมิดนั้นมีอายุความ ๑ ปี ส่วนในคดีผิดสัญญาจ้างนั้น มีอายุความ ๑๐ ปี ต่างกันอย่างมาก การไม่บรรยายฟ้องว่า การกระทำละเมิดเป็นการผิดสัญญาจ้างด้วยอาจเสียสิทธิในอายุความ ๑๐ ปีได้โดยง่าย ขอให้ระวังในเรื่องนี้
มีคดีหนึ่ง นายจ้างฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากลูกจ้าง เนื่องจาก หยุดงานไม่ชอบ ปิดกั้นประตูโรงงาน โดยบรรยายฟ้องให้เห็นชัดเจนว่า การกระทำของลูกจ้างเป็นละเมิด มิได้บรรยายให้เห็นว่า เป็นการผิดสัญญาจ้างด้วยอย่างชัดเจน จึงเถียงกันว่า คดีนี้มีอายุความ ๑ ปี หรือ ๑๐ ปี ในที่สุด ศาลฎีกาตัดสินให้มีอายุความ ๑๐ ปี โดยให้เหตุผลว่า คำบรรยายฟ้องฟังได้ว่าบรรยายถึงการผิดสัญญาจ้างด้วยแล้ว
เห็นแล้วใช่ไหม การบรรยายฟ้องไม่ชัดเจนก่อให้เกิดข้อโต้เถียงกัน คดีนี้ นายจ้างชนะ ใช่ว่าคดีอื่นๆจะชนะเช่นนี้เสมอไป คดีนี้สมควรที่นายจ้างจะชนะ เนื่องจาก ลูกจ้างมีพฤติกรรมที่ไม่น่าสงสาร สิ่งที่ถูกต้อง คือ ควรบรรยายฟ้องเสียให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้ เพื่อที่จะได้ชนะคดีด้วยตัวของตัวเองไม่ต้องรอการแปลความจากศาล
................................................................... สมบัติ ลีกัล 30 กันยายน 2553