เมื่อถูกเลิกจ้าง หากลูกจ้างเห็นว่า การเลิกจ้างเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม เนื่องจาก ลูกจ้างเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องก็ตาม ลูกจ้างย่อมมีสิทธิร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ให้มีคำสั่งให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงานหรือจ่ายค่าเสียหายหรือทั้งรับกลับและจ่ายค่าเสียหายด้วยก็ยังได้ ในขณะเดียวกัน หากลูกจ้างเห็นว่า การเลิกจ้างนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย ลูกจ้างอาจร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานให้มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยได้ด้วยเช่นกัน
ปัญหามีอยู่ว่า เมื่อลูกจ้างใช้สิทธิร้องทั้งสองทาง คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ก็สั่งให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงาน หรือจ่ายค่าเสียหายก็แล้วแต่ ในขณะเดียวกัน พนักงานตรวจแรงงานก็มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างด้วย ลูกจ้างจะมีสิทธิตามคำสั่งทั้งสองทางหรือไม่ ?
เรื่องนี้ ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาว่า ทั้งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์และคุ้มครองแรงงานต่างก็มีวัตถุประสงค์จะให้การคุ้มครองลูกจ้างไม่ให้ถูกนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ได้กระทำความผิดเช่นเดียวกัน ในกรณีที่การเลิกจ้างนั้นเป็นทั้งการกระทำอันไม่เป็นธรรม และการเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิด แม้ลูกจ้างจะมีสิทธิยื่นคำร้องได้ทั้งต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และพนักงานตรวจแรงงานก็ตาม แต่ลูกจ้างจะถือเอาประโยชน์จากคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานซึ่งมาจากเหตุแห่งการเลิกจ้างเดียวกันทั้งสองทางมิได้ เพราะจะเป็นการซ้ำซ้อนกันไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ลูกจ้างจะต้องเลือกรับเอาประโยชน์ตามคำสั่งดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ลูกจ้างรับค่าชดเชยตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานไปแล้ว จึงถือเป็นการเลือกเอาประโยชน์ตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ย่อมถือได้ว่า ลูกจ้างสละสิทธิไม่ถือเอาประโยชน์ตามคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งในส่วนให้รับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือให้จ่ายค่าเสียหายนับแต่วันถูกเลิกจ้างถึงวันรับกลับเข้าทำงาน ดังนั้น ลูกจ้างจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้นายจ้างปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้อีก
โดยหลักกฎหมายพนักงานตรวจแรงงานไม่มีอำนาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือให้จ่ายค่าเสียหาย คงมีอำนาจเฉพาะสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ในทางกลับกัน คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ก็ไม่มีอำนาจสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยเช่นกัน เพราะเหตุที่เพียงหน่วยงานเดียวไม่อาจให้ความคุ้มครองลูกจ้างได้ครบถ้วน ลูกจ้างจึงต้องหาความคุ้มครองถึงสองหน่วยงาน อีกทั้ง เงินค่าชดเชยมีวัตถุประสงค์ในการจ่ายให้กับลูกจ้างที่มีอายุงานครบตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนเงินค่าเสียหายมีวัตถุประสงค์ในการจ่ายให้กับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่เป็นธรรม แม้เงินทั้งสองรายการจะเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการเลิกจ้างเช่นเดียวกันก็ตาม แต่ก็มีวัตถุประสงค์ต่างกัน การที่ลูกจ้างร้องขอความคุ้มครองสองหน่วยงานด้วยเหตุผลดังกล่าวและเป็นเหตุให้มีสิทธิได้รับการคุ้มครองเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งตามคำสั่งของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงอย่างเดียว ย่อมเป็นเรื่องน่าเห็นใจลูกจ้างเป็นอย่างยิ่ง
............................................สมบัติ ลีกัล 8 ตุลาคม 2550