ลูกจ้างเมื่อแรกเข้าทำงานย่อมต้องผ่านการทดลองงานก่อน การทดลองงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นและเหมาะสมในการบริหารจัดการของนายจ้าง เมื่อผลงานหรือความประพฤติของลูกจ้างไม่เหมาะกับงานที่ทำ นายจ้างจึงอาจเลิกจ้างได้ด้วยเหตุไม่ผ่านทดลองงาน หากข้อเท็จจริงปรากฏว่า ลูกจ้างไม่ผ่านทดลองงานจริง ก็ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมเช่นกัน
ปัญหามีอยู่ว่า ลูกจ้างทดลองงาน ได้ร่วมลงลายมือชื่อกับลูกจ้างอื่นๆในสถานประกอบการแจ้งข้อเรียกร้องขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างต่อนายจ้าง ต่อมาเมื่อข้อเรียกร้องได้ข้อยุติ และอยู่ระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับ นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างทดลองงาน ลูกจ้างทดลองงานจะได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ 2518 มาตรา 123 หรือไม่ ?
ลูกจ้างทดลองงานอาจได้รับประโยชน์ในสวัสดิการบางรายการต่างกับลูกจ้างที่ผ่านการทดลองงานแล้ว เช่น เบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง เป็นต้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงตามสัญญาจ้างแรงงาน แต่ลูกจ้างทดลองงานก็มีฐานะทางกฎหมายเท่าเทียมกับลูกจ้างอื่นที่ผ่านทดลองงานแล้วเช่นกัน ดังนั้น ลูกจ้างทดลองงานจึงได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ 2518 มาตรา 123 ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้าง เว้นแต่ ลูกจ้างกระทำความผิดตามข้อยกเว้น หากนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างทดลองงาน โดยอ้างว่า ลูกจ้างทดลองงานกระทำความผิดตามข้อยกเว้นของกฎหมาย หากข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ตามที่กล่าวอ้าง การเลิกจ้างย่อมเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
ปัญหามีอยู่ว่า หากนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้าง โดยอ้างว่า ลูกจ้างไม่ผ่านการทดลองงาน และยอมรับว่า ลูกจ้างมิได้กระทำความผิดใดๆตามข้อยกเว้นของกฎหมาย กรณีเช่นนี้ การเลิกจ้างจะถือเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ ?
การเลิกจ้างใดที่ไม่เข้าข้อยกเว้นของกฎหมาย ก็มิใช่ว่า ศาลจะถือว่า เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเสียทั้งหมด ศาลยังคงเปิดโอกาสให้นายจ้างแสดงเหตุผลดีๆให้ศาลเห็น หากศาลเห็นว่า นายจ้างมีเหตุผลตามสมควร ศาลก็ถือว่า การเลิกจ้างมิใช่การกระทำอันไม่เป็นธรรม ดังนั้น นายจ้างไม่ควรหมดกำลังใจ หากนายจ้างพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า ลูกจ้างไม่ผ่านทดลองงานจริง มีขั้นตอนการพิจารณาที่เชื่อถือได้ มิได้กลั่นแกล้ง และมีเหตุที่ไม่อาจจ้างลูกจ้างให้ทำงานต่อไปได้ การเลิกจ้างก็อาจมิใช่การกระทำอันไม่เป็นธรรมได้เช่นกัน
...................................... สมบัติ ลีกัล 8 ตุลาคม 2550